บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กันยายน, 2011

บันทีกการลงทุน 24/09/2554 ตอน ตลาดถล่ม

ปกติผมไม่ค่อยได้เขียนบันทึกการลงทุนติดๆ กันสักเท่าไรครับ แต่วันนี้อยากเขียนด้วยต้องการให้เป็นเครื่องเตือนตัวเอง ไว้ว่า ครั้งหนึ่งเคยมีการร่วงลงของดัชนีเกิน 10% ใน 1วัน แม้จะเด้งกลับมาก็ตาม สำหรับผมมันเป็นการยืนยันว่าตลาดเปลี่ยนทิศทางมาเป็นขาลง อย่างชัดเจนแล้ว ด้วยจำนวนลดลงของดัชนีที่เกิน 20% ภายใน 3 เดือน รวมทึ้งการขายอย่างรุนแรงในมูลค่าที่มหาศาลอย่างในวันนี้ แต่ตอนนี้ไม่ต้องบอกกับใครแค่นี้ก็คงรู้ว่า เรื่องของ วิกฤตยุโรป และ อเมริกา เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมานาน อยุ่กับเรามานาน แต่เหมือนไม่มีใครให้ความสนใจมากเท่าไรนัก เมื่อมีมาตรการกระตุ้นออกมาที แล้วเหมือนจะได้ผล ทุกคนก็ดีใจ แต่มาตรการที่อัดฉีดหลายตัวที่เหมือนจะได้ผล แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ช่วยให้เศรษฐกิจที่เป็นอยู่ดีขึ้น จนเมื่อหมดทางเยี่ยวยา ทุกอย่างเลยปรากฏ ความเป็นจริงที่ทุกคนต่างคาดการณ์ว่าจะเลวร้ายในอนาคตได้มาครอบงำบรรยากาศการลงทุน ทำให้ทุกคนต่างเทขายเพื่อเก็บเงินสดไว้กับตัว ส่งผลให้ตลาดหุ้น ร่วงลงมา รวมกับบรรยากาศที่ทำให้ทุกคนกลัวก็ทำให้เกิดการเทขายหมด เมื่อคนในตลาดมีความต้องการขายมากกว่า แล้วไม่มีความต้องการซื้้อ ทุกอย่

บันทีกการลงทุน 24/09/2554 ตอน เศรษฐกิจรูป W

ในวันที่ผมเขียน ตลาดหุ้นไทยได้หลุด 1000 จุดไปเรียบร้อยแล้ว แถมเป็น 2 วันที่ ดัชนีตกลงมาร่วมเกือบ 100 จุด สาเหตุที่เกิดขึ้นคือ วิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นมาเป็นระยะๆ จาก ยุโรป และ อเมริกา เหมือนถึงจุดหนึ่ง ไม่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ และ รัฐบาลฝั่งกลุ่ม EU ไม่สามารถหาทางแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ จากหนี้ภาครัฐ และ ปัญหาการว่างงาน มาตรการที่ออกมาฉาบฉวยไม่สามารถแก้ปัญหาได้จริง ทำให้เหมือนว่าเศรษฐกิจนั้นพ้นการถดถอยแล้ว แต่เมื่อหมดมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐแล้ว หรือบอกว่าภาครัฐหมดความสามารถในการกระตุ้นแล้ว ก็ทำให้ทุกอย่างกลับมาสู่ที่เดิม นี้คือเศรษฐกิจแบบตัว W คือ ตกลงมาแล้วทำท่าจะเด้นไปได้พอถึงจุดหนึ่งจะตกอีก รอบนี้ใช้ฐาน 2008 ไป 2011 สรุป 3 ปี ซึ่งปี 2010 เป็นปีที่เหมือนทุกอย่างจะกลับมา แต่ปีนี้ก็ทำให้เห็นว่าทุกอย่างยังไม่สามารถวิ่งฝ่าไปได้ บางคนบอกว่า ปัญหาที่เกิดจะร้ายแรงกว่า ปี 2008 อีก แต่สำหรับผมตอนนี้ ยังไม่เกิดการล้มของบริษัทยักษ์ใหญ่ให้เห็นอย่างชัดเจน แค่คาดหวังว่า คงส่งผลให้กำไรแต่ละบริษัทลดลง แต่คงไม่ถึงกับต้องล้มไป แต่ที่แน่นอนคือ รัฐบาลแต่ละประเทศต้องแบกหนี้ก้อนมหาศาลไว้

การลงทุนทางตรง การลงทุนทางอ้อม

สมัยก่อนตอนผมยังเป็นนักศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ การลงทุน เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยในการคิด GDP ด้านการใช้จ่ายเลย ซึ่งการลงทุนในมุมมองของ เศรษฐศาสตร์มหภาค เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งด้านเศรษฐกิจ โดยปกติเราสามารถลงทุนได้ ไม่เพียงแต่เงินเท่านั้น ยังมีการลงทุน แบบ เป็นแรงงาน สมอง ความคิด เวลา แต่สุดท้ายก็ให้ความสำคัญที่เงิน เพราะมันสามารถวัดได้ทันที ส่วนทางจุลภาค หรืออย่างเราๆ ท่านๆ นี้ การลงทุนส่วนใหญ่คือการก้าวไปเป็น เจ้าของกิจการ หรือเป็นผู้บริหารความเสียงต่างๆ นั้นเอง โดยการเป็นผู้ประกอบการคือ การใช้ปัจจัยการผลิต ให้คุ้มค่า คือ ที่ดิน แรงงาน ทุน ผู้ประกอบการ โดยทั่วไปการลงทุนแบบนี้เรียกว่า การลงทุนทางตรง Direct investment เป็นสิ่่งที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเปิดร้านขายหมูปิ้ง ขายคอนโด ขายหมา หรือ บริการต่างๆ เช่น นวดฝ่าเท้า มอเตอร์ไซด์รับจ้าง อื่นๆ สารพัด พวกนี้การลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง เวลา ความสามารถ และแรงงาน ส่วนการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งคือ การลงทุนทางอ้อม Indirect investment เหมือนเป็นการฝากเค้าลงทุน หรือเป็นการเก็งกำไรอีกรูปแบบนึง เช่น การซื้อที่ อสังหา ซื้