บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2012

การบริโภค

การบริโภคในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงการกินข้าว หรือ รับประทาน  แต่หมายถึง การใช้จ่ายเพื่อได้มาเพื่อสินค้าหรือบริการต่าง  ใน  Wikipedia  ให้ความหมายไว้ว่า "การใช้สิ่งที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเอง โดยสิ่งที่มีอยู่นั้นจะเสื่อมสภาพ ร่อยหรอ หรือหมดไปในชั่วระยะเวลาหนึ่ง และอาจต้องหาสิ่งใหม่มาเพิ่มเติมเมื่อต้องการใช้อีก" สำหรับการบริโภค ในเชิงเศรษฐศาสตร์มหภาคนั้น  ยิ่งภาคครัวเรือน ทำการบริโภคใช้จ่ายมาก นั้นเป็นการดีที่จะทำให้ตัวเลขมวลรวมประชาชาติ GDP สูงไปด้วย แต่ถ้าเรากลับมาที่ส่วนของประชาชนคนธรรมดากัน ถ้าเราบริโภค นั้นหมายถึงรายจ่ายเรานั้นจะสูง ซึ่งผลที่ต้องสนใจ คือ รายได้ของตัวเรานั้นเหมาะสมกับการบริโภคที่สูงหรือไม่ ซึ่งผลของการบริโภคสูง ทำให้รายจ่ายสูง ถ้าในกรณีที่เรามีรายรับน้อยกว่ารายจ่าย หมายถึงเราต้องเป็นหนี้เพื่อการบริโภคนั้นเอง สำหรับผม หนี้เพื่อการบริโภคนั้น เป็นหนี้ที่แย่ที่สุด เพราะเป็นการนำรายได้ในอนาคตมาจ่าย ณ ปัจจุบัน และต้องไปใช้คืนในอนาคตอีก สำหรับผม ทุกวันนี้เราโดนยัดเยียดให้บริโภคตลอดเวลา ไม่ว่า เราจะอ่านหนังสือ นิตยสาร เดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถติดบนใต้ทา

บันทึกการลงทุน 24/11/2555 ความกลัวที่อยู่ในสังคม

รูปภาพ
วันนี้เป็นวันที่มีการชุมนุมทางการเมืองอีกครั้งหลังจากหายไป ปีกว่าๆ ซึ่งเป็นการชุมนุมที่สั้นๆ ที่สุดที่ผมพอนึกออก ซึ่งผมไม่ต้องการออกความเห็นเชิงการเมืองแต่อย่างไร สิ่งที่สังเกตุเพื่อนฝูงนักลงทุน ในตาม Facebook การลงทุน ในเช้าช่วงนั้นค่อนข้างออกไปแนวทางวิตกกังวลอย่างเห็นได้ได้ชัด เพราะมีการปะทะกัน พอมีการยกเลิกการชุมนุมช่วงเย็น การสังเกตุเห็นความผ่อนคลายและความดีใจอย่างเห็นได้ชัด ไม่แน่ใจว่าพอเรียกจิตวิทยามวลชนได้ไหม แต่พอเห็นได้ว่า อารมณ์ของนักลงทุนส่วนใหญ่นั้นแสดงออกมาถึงความวิตกกังวลอย่างขัดเจน ปัจจัยพวกนี้ สำหรับผมถือว่าเป็นอะไรที่ควบคุมไม่ได้เลย การที่นักลงทุน หรือ ฝูงชนตกใจ ความรู้สึกความอยากขายหุ้นจะสูงทันที เพราะคิดว่าภาพใน 5 ปีหลัง ฝั่งใจคนไทยไว้อยู่มาก ซึ่งสะท้อนผ่านความกังวลบนสื่อต่างๆ ซึ่งสำหรับผม ก็เรียกว่า กังวลอยู่ เพราะวันศุกร์เกิดไรขึ้นไม่รู้ ซื้อหุ้นไปในจำนวนเงินสดที่เกินครึ่ง เหลือเงินสดไม่ถึง 5% แต่ก็ไม่รู้ว่า วันจันทร์ตลาดจะลงหรือไม่ แต่อย่างน้อยก็โล่งไประดับหนึ่ง ว่าจะไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่านี้ สำหรับตอนนี้ตลาดก็ลดระดับความแพงลงมา ด้วยกำไรในไตรมาส 3 ที่เพิ

การหาแนวโน้มการเติบโต

ก่อนหน้านี้ผมศึกษาหุ้นแต่ละตัวนั้น จะลงไปในตัวงบการเงินสัก 80% และดูแนวโน้มเชิงการบริหารต่อสัก 15% และดูราคากับกราฟ 5% คือดูเพื่อรู้ว่าเราอยู่ตรงไหน ซึ่งพอใช้วิธีสัก 2-3 ปี ผมได้พบกับความจริงอย่างเดิมๆ ที่เคยพบให้ครั้งแรกๆ คือ งบการเงินบอกอนาคตแต่สามารถบอกอนาคตได้ลางๆ คล้ายกับกราฟเชิงเทคนิค บอกได้อดีตและอนาคตรางๆ สิ่งที่ต้องทำให้เกิดประโยชน์คือ การหาแนวโน้ม (Trend) ให้เจอครับ ทั้ง วิธีอ่านงบการเงิน และ เทคนิค ซึ่งพวกเทคนิคนั้นจะมีวิธีการซื้อขายหรือ เทรด อย่างหนึ่งที่เรียกว่า Trend following เหมือนกัน ซึ่งการหาแนวโน้ม แบบการแกะงบของผม ถ้ากำไรยังโตทุกปี เฉลี่ยกี่ % ผมจะเอาเป็นเป้าหมายในปีต่อๆ ไป แม้แต่ในทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ก็มีการอธิบายการเติบโตของบริษัทไว้เหมือนกัน แต่ปัญหาคือ เราไม่สามารถรู้ได้ว่าเราอยู่จุดไหนของช่วงการเติบโตนั้น แต่ความยากของการที่เราซื้อหุ้นแบบเน้นการเติบโต คือ เราซื้อ หุ้นที่เติบโต แต่อัตราการเติบโตนั้นเป็นสิ่งที่เราไม่สามารถรู้ได้ง่ายๆ เลย จากการแกะงบ นั้นเราเห็นแค่การเติบโตในอดีต ส่วนในอนาคตนั้น เป็นเรื่องไม่แน่นอน สิ่งที่ผมทำได้ในการคาดการณ์แนวโน้

วิธีแกะงบ ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ

รูปภาพ
บทความนี้ผมนำมาจากบทสัมภาษณ์คุณ ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ ในบทความ 'ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ' วิเคราะห์หุ้น 'รวย'! จากงบการเงิน วันที่23 ตุลาคม 2555 ตาม link  bangkokbiznews.com คุณฉัตรชัย เป็น VI ที่มีชื่อเสียง ได้ร่วมรายการ Money take และ ออกงานสัมมนา ด้วย ซึ่งเป็นคนที่ได้การยอมรับว่าแกะงบการเงินเก่งมาก ซึ่งผมได้อ่านวิธีการแกะงบแล้วน่าสนใจ จึงขอนำมาไว้ใน Blog และเรียงลำดับเพิ่มเติมนะครับ ภาพประกอบจาก  http://www.bangkokbiznews.com/home/media/2012/10/19/images/news_img_474674_1.jpg ' กำไรสุทธิ '  สำคัญน้อยกว่า  ' กระแสเงินสด ' ฉัตรชัย วงแก้วเจริญ   เซียนหุ้นวีไอ "ร้อยล้าน"   จะให้น้ำหนักการวิเคราะห์ลั กษณะกิจการที่น่าลงทุนโดยพิ จารณา  3  ส่วนหลักๆ คือ 1  กระแสเงินสดของกิจการ   บริษัทที่ดีต้องมีกระแสเงิ นสดจากการดำเนินงานปกติเติ บโตสม่ำเสมอ   ไม่ใช่กระแสเงินสดจากรายการพิ เศษที่รับครั้งเดียว 2  อัตราการจ่ายเงินปันผล   ต้องสมเหตุสมผล 3  คุณภาพสินทรัพย์ "ต้องดี" ส่วนพวกค่า  P/E  ยิ่งต่ำๆ ยิ่งดี   แต่ไม่ได้ยึดติดเท่าไร ส่วนค่

หุ้น IPO

รูปภาพ
หุ้น IPO เป็นหุ้นที่นำมาขายที่ตลาดแรก เป็นการนำเสนอขายหุ้นของเจ้าของบริษัทเดิมที่ถืออยู่ เพื่อเข้าสูงตลาดหลักทรัพย์ แต่ความน่าสนใจของหุ้น IPO ในช่วงนี้คือ ตัวไหนเข้าตลาด ราคาจะพุ่งจากปกติไปสูงมากเมื่อเทียบกับราคาจอง และติด Most active Value ประมาณ วันแรกๆ ด้วย ซึ่งตอนนี้คนส่วนใหญ่ จะมองหาหุ้น IPO เพื่อเข้าซื้อเก็งกำไรในช่วงวันแรกที่เข้าตลาด ผมก็นำ Link มาให้ เพื่อไปติดตามได้ว่าบริษัทไหน กำลังเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือ แต่งตัวอยู่นั้นเอง  http://www.set.or.th/th/company/ipo/upcoming_ipo_set.html แต่สิ่งที่นักลงทุนจะกังวลกับหุ้น IPO คือ เราไม่มีข้อมูลยืนยันว่า แนวโน้มการเติบโตในอนาคตจะเป็นอย่างไร เนื่องจากบริษัทเพิ่งเข้าตลาด ทำให้มีข้อมูลย้อนหลังนั้น น้อยมาก ดังนั้น หนังสือชี้ชวนเป็นหนังสือ หรือ แหล่งข้อมูลเดียวที่เราสามารถหาข้อมูลของบริษัทท่ีจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยที่ link จะมีข้อมูล Filling อยู่่ตามรูปนะครับ หรือไปดูข้อมูลได้ที่ เว็บไซต์ของ กลต. http://capital.sec.or.th/webapp/corp_fin/cgi-bin/find69.php?lang=t&ref_id=&content_id=1  แต่ต้อง