บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก ธันวาคม, 2012

บันทึกการลงทุน 31/12/2555 การวัดผลการลงทุน

รูปภาพ
บทความส่งท้ายปี 2555 ปีนี้ ไม่มีเรื่องตื่นเต้นกับน้ำท่วม ย้ายบ้านหนีน้ำ ซ่อมแซมบ้านหรืออะไรก็ตาม เลยมีเวลาให้ผ่อนคลายช่วงปลายเยอะกว่าปีที่แล้วมาก เลยมาเขียนบทความส่งท้ายปีหน่อย การวัดผลการลงทุนนั้นเป็น เรื่องสำคัญของนักลงทุนทุกคน ไม่ว่าจะสมัครเล่น หรือ มืออาชีพ ไม่ว่าจะนักลงทุนบุคคล หรือ สถาบัน โดยปกติ นักลงทุนสถาบัน หรือกองทุน จะมีการแสดง NAV หรือ Net Asset Value เพื่อให้ทราบว่า ขนาดสินทรัพย์ ในกองทุนนั้นมีขนาดเท่าไร และใช้ NAV นั้นเป็นตัวบอกว่า ที่ผ่านมามีผลประกอบกันอย่างไร โตหรือลดลง ซึ่งถ้าเราอยากทราบผลการดำเนินงานของกองทุนคร่าวๆ ก็ใช้ NAV ในอดีตเนี่ยละครับเป็นตัวบอก ว่ากองทุนนี้มีฝืมือขนาดไหน ส่วนนักลงทุนรายย่อย หรือ ส่วนบุคคลนั้น ผลการลงทุนนั้น ผมมองว่าไม่แตกต่างกันนัก ดูง่ายๆ ก็ดูจากผลรวมในพอร์ตของโปรแกรม แต่ถ้าจะยากกว่านั้น ก็ต้องดูเหมือน  Net Asset Value ว่าปีนี้เพิ่มมาเท่าไร แล้วแยกออกระหว่าง เงินที่ใส่เข้าไป และ ที่ถอดออกมาด้วย ถ้าอยากทราบผลตอบแทนในปีนั้น ก็ลองใช้สมการก็น่าจะ "มูลค่าหุ้น+เงินสดในพอร์ต - เงินที่ใส่เข้าไป + เงินที่ถอนออกมา" ก็น่าจะพอ

กำไรที่ดีบริษัท

บทความนี้ผมจะมาสรุปความรู้ของผมคร่าวๆ ในการลงทุน เรื่องกำไรของบริษัท กำไรนั้นคือ รายได้ - รายจ่าย ซึ่งเป็นพื้นฐานของการทำธุรกิจ กำไรนั้นเป็นผลตอบแทนของ ผู้ประกอบการ ในปัจจัยการผลิตของวิชาเศรษฐศาสตร์ ในการลงทุนตามบริษัทต่างๆ ตัวเลขที่เราสนใจกัน อันดับแรกๆ ยิ่งถ้าเห็นตัวที่่ย้อนหลัง แล้วเห็นแนวโน้มที่สูงขึ้นตลอดเวลา แสดงว่าเป็นแนวโน้มของบริษัทเติบโต ซึ่งพอสรุปได้ว่าเป็น Growth stock ได้ แต่กำไรในบางปีนั้น มีความไม่แน่นอนเช่น สูงเป็นพิเศษ อาจมีเหตุมาจากปัจจัยอื่นๆ เช่น ขายสินทรัพย์ ออกไป ได้เงินมา เป็นต้น เพราะฉะนั้น เวลาผมดูกำไร แล้วต้องตามไปดูเหตุของกำไรด้วย เช่น รายได้หลัก เพิ่มเยอะหรือไม่ รายได้อื่นๆ นั้น เป็นสัดส่วนกี่ % ของ รายได้รวม รายได้อื่นๆ ในแต่ละปี มีแนวโน้มคงทีหรือ สม่ำเสมอ หรือไม่ รายจ่าย มีอะไรลดลงเป็นพิเศษไหม ซึ่งถ้ามีอะไรแปลกไป นั้นหมายถึงว่า ปีต่อๆ ไปอาจไม่มีรายการพิเศษ ทำให้กำไรอาจไม่สม่ำเสมออีกต่อไปนั้นเอง ถ้ากรณี รายจ่ายลงลด อย่างบังเอิญ หรือ รายได้อื่นๆ จากการเกิดได้แค่ครั้งเดียว นั้น ย่อม หมายถึงกำไรที่เกิดขึ้นนั้น มีครั้งเดียว ซึ่งไม่อาจใช่่สิ

บันทึกการลงทุน 19/12/2555 ภารกิจ 10 ปี เสร็จสิ้นลงวันนี้

วันนี้ถือว่า ผมได้ทำภารกิจที่เคยตั้งเป้าในการลงทุนไว้ ตัั้งแต่สมัยเรียนปี 4 แม้ มันจะช้าเป็น 10 ปี แต่ผมก็ถือว่าทำได้สำเร็จแล้ว แต่ถือเวลาจริง การได้ถึงเป้าหมายแล้ว มันก็ไม่ได้รู้สึกดีใจเหมือนกับสมัยก่อน ตอนตั้งเป้าไว้ครั้งแรก ผมจินตการว่า การทำเงินถึงเป้านั้น จะมีความสุขแค่ไหน แต่ คำตอบ ความสุขของผม ไม่ได้เกิดในวันนี้แม้แต่น้อย แถมก็รู้สึกแค่ ได้แล้วเหรอ ไม่น่าเชื่อ แต่สิ่งที่ผมรู้สึกได้อย่างนึง คือ เมื่อผมมองย้อนกลับไป 10 ปี เห็นทั้งทุกข์ สุข เหนื่อย การเรียนรู้ สำหรับผม มันคือ หยาดเหงื่อ และ คราบน้ำตา ที่สอนด้วยชีวิตจริง เจ็บจริง ร้องไห้จริง หัวเราะจริง มีความสุขจริง และสินทรัพย์จริงๆ และทุกอย่างมันก็ทำให้ผมเรียนรู้ว่า ถ้าไม่มีเงินมันลำบากขนาดไหน เรื่องที่สำคัญสุดของผม ที่่มาถึงจุดนี้คือ วินัยทางการเงิน เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญ ไม่ใช่ พื้นฐาน เทคนิค หรือ อื่นๆ ก็หาไม่ครับ สุดท้าย ต่างคนต่างมีทาง ต่างคนต่างมีภาระ วิธีการลงทุนของอาจไม่ถูกจริต กับ คนอื่นอีกหลายๆคนก็ได้ คิดว่าเป็นทางเลือกให้คนที่สนใจอยากลงทุนก็แล้วกันครับ ขอให้โชคดี ในการลงทุนนะครับ

การเอาตัวรอดในวัฎจักรธุรกิจ อดีตทียากจะเหมือนเดิม

ผมได้มีโอกาสอ่านบทความเกี่ยวกับอุตสหกรรมสิ่งทอ โดยเฉพาะแบบสมัยดังเดิมในยุคขายผ้า ขายเสื้อยืดจากโรงงานราคาถูก ซึ่งหลายๆปี นี้โดนเสื้อผ้าจากกัมพูชา ตีตลาดไปหมดแล้ว เมื่อหลาย 10 ปี ยุคสมัยที่ผมยังเรียนปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เป็นยุคที่เรายังอยู่ในวังวนของวิกฤตต้มยำกุ้ง ซึ่งเราโดนขมขู่ว่า งานนั้นหายาก บัณฑิตใหม่จบมาตกงานกันเป็นแถวๆ ในช่วงต้นปียุค 2540 ในยุคนั้น สิ่งที่ผมจำได้คือ บริษัทการเงินล้มอย่างไม่เป็นท่า ตลาดหุ้นร่วงจนติดดิน มีคนซื้อกองทุนแล้วไม่มีเงินเหลือต้องไปประท้วงด้วยการราดอุจจระ เป็นที่โด่งดังมาก ส่วนค่าเงินบาทก็ลดลงเป็ฯ 50 บาทต่อตอลล่าสหรัฐ คนส่งลูกเรียนนอกต้องเรียกกลับประเทศหมด รถที่ติด ก็กลายเป็นรถโล่ง นั้นคือภาพเมื่อยุคตำยำกุ้งที่ผมพอจำได้ครับ แต่สิ่งตรงกันข้ามที่เห็ฯได้ชัดเจน คือการส่งออก นั้นกลายเป็นธุรกิจดาวรุ่ง หรือเรียกวว่า อุตสหกรรมกู้ชาติได้เลยที่เดียว เช่น พวกอาหาร ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิก เสื้อผ้า หรืออะไร ที่ทำส่งออกก็ตาม รวมถึงการท่องเที่ยว ที่กลายเป็นรายได้หลักของประเทศเลย เพราะด้วยค่าเงินที่ถูกแสนถูก ใครๆ ก็อยากมาเที่ยวเมืองไทย

บันทึกการลงทุน 02/12/2012 สูงสุดรอบ 16 ปี พร้อมกับจำนวนและมูลค่าสูงมาก

รูปภาพ
พอเข้าสิ้นปีนี้ ตลาดก็ทำ New high อีกรอบ หลังจากผ่านเรื่องปัญหาการเมือง ทั้งในและนอก ประเทศ แถมยังเป็น New high ที่ Vol ไหลทะลักด้วย  Val 7หมื่นล้าน หาไม่ได้บ่อยนัก ในการลงทุนปกติในแต่วัน ซึ่่งปัจจัยหลายๆ อย่าง ใน ไตรมาส 3/2555 ทำให้ตอนนี้ P/E อยู่ที่ 17.08 เรียกว่า สูงอยู่เมื่อเทียบกับ 2-3 ปี ที่ผ่านมา แต่ก็ยังต่ำกว่า 1300 รอบก่อนหน้า ที่ P/E อยู่ที่ 18 ตามบทความเก่าของผม  ใน Linkนี้ครับ รอบ Q3 พวกเกี่ยวกับพลังงาน โดยเฉพาะ น้ำมันนั้น กลับมากำไรอีกครั้ง ซึ่งทำให้ E ในตลาดหลักทรัพย์ไทย กลับมาดูดีอีกครั้ง เป็นเรื่องน่าแปลกสำหรับผม คือ ประเทศไทย ไม่ได้ผลิตน้ำมัน แต่ราคาน้ำมันส่งผลกับเศรษฐกิจบ้านเรามากกว่าที่คิด หลายอย่างในปี ก็เรียกว่า ไม่ทำให้ตลาดหุ้นวิ่งไปได้เยอะนัก ความจริงผมยังคิดในใจว่าควรต้องปรับตัวลดลง แต่ตอนนี้ก็เพิ่มอยู่ ซึ่งอย่างไรตอนนี้ ก็นั่งเฝ้าจับตลาดกันต่อไปว่า ตลาดจะไปทิศทางไหนครับ โชคดีในการลงทุนนะครับ