บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มกราคม, 2013

ค่าเงิน สกุลเงิน กับการลงทุน

ค่าเงิน หรือ สกุลเงินเหมือนเป็นสัญลักษณประจำชาติอีกรูปแบบนึง และมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจของแต่ละประเทศด้วย ในแต่ละประเทศนั้นๆ เช่น THB ก็ประเทศไทย USD ก็สหรัฐอเมริกา HKD ก็ฮ่องกง JPY ก็ญี่ปุ่น EU ก็กลุ่มประเทศยูโร โดยปกติการมีสกุลเงินเป็นเรื่องของแต่ละประเทศที่สร้างระบบกันมาจากทุนสำรองระหว่างประเทศ สกุลเงินเป็นสิ่งที่สร้างความน่าเชื่อถือในการค้าขายระหว่างประเทศ การที่สกุลเงินนั้นมีมูลค่ายอมให้คนแลกเปลี่ยนกันได้นั้นต้องเรียกว่า ต้องสร้างความเชื่อถือให้กับนักธุรกิจเป็นอย่างมาก โดยการค้าขาย หรือถ้าเราเองเงินไปลงทุนในประเทศไหน ต้องแลกเงินเป็นสกุลเงินประเทศนั้น เช่น ถ้าคุณจะไปเที่ยว สิงค์โปร์ คุณต้องเอาเงินบาทไปแลกสิงคโปร์ดอลล่า คือจะเอาเงินบาทไปซื้อของที่สิงค์โปร์ไม่ได้ ดังนั้น เมื่อมีความต้องการซื้อ ต้องการขาย เมื่อความต้องการซื้อขายมาพบกันก็เป็นตลาด เงินก็เหมือนสินค้าอื่นๆ ตามหลักเศรษฐศาสตร์ มีความต้องการซื้อ ขาย ก็กลายเป็นตลาด เมื่อสินค้าราคาถูก คนก็ต้องการมาก เมื่อสินค้าราคาแพง คนก็ต้องการน้อย โดยสิ่งที่กำหนดมูลค่าคือการเติบโตของประเทศนั้น ประเทศไหนเติบโตสูง คนจะต้องการสกุลเงิ

บันทึกการลงทุน 25/01/2556 สัปดาห์อันเลวร้ายในชีวิตจริง กับ สัปดาห์หรรษาของการลงทุน

รูปภาพ
สัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สุดหฤโหดของผม เริ่มต้นจาก วันศุกร์ 18 ทำงานเต็มวันช่วงเช้า ต้องนั่งเฝ้าเครื่อง Server ทำการ update โปรแกรม ตั้งแต่เที่ยงคืนกลับบ้าน ตี 5 วันเสาร์ที่ 19 ถึงบ้าน 7 โมงเช้า พบว่า โปรแกรมที่ผมต้องทำการปิดนั้น ยังทำงานอยู่ ต้องโทรปลุกน้องเพื่อถามวิธีปิดให้สนิท กว่าจะได้นอนคือ 10โมงเช้า พร้อมกับความหลอน ต่อมาวันอาทิตย์ที่ 20 พบว่า โปรแกรมที่ปิดแล้ว ก็ยังทำงานอยู่ถือเป็นความซวยอันแรกที่พบ แต่โขคดีท่ี่เครื่องต้นทางโดนปิด เนีืองจากทำการ Upgrade อยู่ จากนั้น เวลาทำงานที่นัดหมายไว้คือ 18.00 น แต่ก็โดนเลือนไปจนเที่ยงคืน ทางทีมงานก็บอก เดี่ยวเสร้จแล้วจะโทรไปปลุกละกัน นอนตอน 24.00 น วันจันทร์ที่21 โดนโทรปลุกประมาณ 4.00 หลังจากหลับบ้าง ไม่หลับบ้าง ผวากังวลอยู่ตลอดเวลา เลยทำให้นอนไม่หลับ เมื่อเสร้จแล้ว ก็ลงไปเริ่มทำงาน สรุปเปิดโปรแกรมที่ปิดไปไม่ได้ ต้องให้หัวหน้ามาช่วยเปิด พอข้อมูลทำงานก็พบว่า บางตัวทำงานไม่สำเร้จ กว่าจะเสร้จคือ 8.00 ไปทำงาน แก้ไขที่ทำงานเสร้จประมาณ เกือบบ่าย 2  แต่มาพบว่า ตารางและโปรแกรมที่ควรต้องปิด ผมดันไม่ได้ปิด คราวหน้าเป้นเรื่องใหญ่ทันที เนื

KPI การวัดผลลงทุนของผม Ver. 1.000

รูปภาพ
การที่เราจะทำอะไรหลายๆ ครั้ง เรามักต้องมีเป้าหมายในชีวิต เพื่อให้รู้ว่าจุดสิ้นสุดของการกระทำนั้นๆ อยู่ที่ไหน อาจเป็นเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้ในไม่กี่นาที หรือ เป้าหมายใหญ่ๆ ที่อาจทำหลายชั่วรุ่น ก็ตาม แต่การจะรู้ว่ากิจกรรมนั้นๆ เราทำได้ดีแค่ไหน อาจต้องมีอะไรบ้างบางอย่างมาชี้วัด เพื่อให้ทราบถึงคุณภาพของสิ่งที่เราทำลงไป ในการบริหารจัดการยุคใหม่ จะมีตัววัดที่เรียกว่า KPI Key performance indicator ไว้สำหรับ ชี้วัดผลงานนั้นๆ เหมือนการที่เราเป้าหมายอะไรสักอย่างนึง มาประเมินตัวเองว่า เราสามารถทำตามกรอบที่ตั้งไว้เท่าไร  ซึ่งผมว่าเราสามารถนำมาประยุกต์ได้ว่า แต่ละคน จะมี KPI ในการวัดตัวเองอย่างไรบ้าง แต่พวกนี้ที่สำคัญคือวินัยการลงทุน ที่ต้องเพิ่มกฎให้ตัวเองมาในการสร้างตัววัดส่วนบุคคลด้วยครับ ซึ่งผมจะลองสร้างดูเล่นๆ เป็น โปรเจคส่วนตัวไว้ทำการวัดผลลงทุนไว้ตามมุมมองต่างๆ เพิ่มคำอธิบายภาพ ด้านการเงินเพื่อลงทุน • เก็บออมได้จำนวน xxxx บาท/เดือน/ปี • นำเงินปันผลกลับมาลงทุน xxx% • ถอนเงินออกมาใช้ xxxx บาท/ปี • ดอกเบี้ยที่ได้รับจากเงินสด xxx บาท/เดือน/ปี • ต้นทุนที่อยู่ในหุ้นเพิ่ม xxx บาท/

การจำแนกหุ้นของ ปีเตอร์ ลิน (Peter Lynch)

ปีเตอร์ ลิน (Peter Lynch) เป็นนักลงทุนระดับตำนานคนนึงของโลก แต่ระยะเวลาการทำงานค่อนข้างสั้น คือไม่กี่ 10 ปี เมื่อเทียบกับ วอร์เรน บัตเฟต ถือว่า สั้นมาก แต่ด้วยผลงานการบริหารกองทุนของ แม็คเจ็ลลัน   และผลตอบแทน สูงตลอดช่วงการบริหาร และการมองที่พื้นฐานให้ออก  วิธีที่ปีเตอร์ ลิน (Peter Lynch) บอกเล่าถึงการ ลงทุนหรือหาหุ้น คือ ให้สังเกตุในชีวิตประจำวัน หาหุ้นตามร้านสะดวกซื้อให้ได้ การหาหุ้นที่ดีในชีวิตประจำวัน ที่เราพบได้ง่ายในชีวิตประจำวันและ คาดเดาถึงการเตืบโตให้ได้ หุ้นเด้ง ทฤ ษฎีงานเลี้ยง อีกเป็นต้น หนังสือหลายเล่ม ที่ปีเตอร์ ลินเขียนมา นับเป็นตำราของนักลงทุนสายพื้นฐานจริงๆ  สำหรับผม ยิ่งเล่มที่ชื่อ One up wall street หรือ ชื่อภาษาไทยว่า "เหนือกว่าวอลสตรีท"   ที่เรียบเรียบโดย ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร จากสำนักพิมพ์ ฟิเดลลิตี้ โดยตามไปดูได้ที่เว็บ  http://www.fp.co.th/ ปีเตอร์ ลิน (Peter Lynch) ได้อธิบายหรือการจำแนกหุ้น ไว้ 6 อย่าง ซึ่งบางหุ้นอาจจะเป็นได้มากกว่า 1 อย่าง แต่ก็ถือว่าเป็นการจำแนกหุ้น ได้หลักแหลมและเห็นภาพชัดเจนอย่างแท้จริง หุ้นเติบโตช้า (Slow Grow

สินทรัพย์หรือเงินสด กับดักทางความคิด Weath Trap of Cash & Asset

หลายๆ ท่าน ที่ใช้ชีวิตในช่วงต้องรับผิดชอบด้วยตัวเอง ไม่ว่า จะต้องหาเงินเดือนเอง ทำธุรกิจ ทำการค้าขายหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องด้วยตัวเอง แต่ละท่านมักตั้งเป้าหมายเอง เช่น มีครอบครัว มีบ้าน มีรถ มีกิจการ มีเงินเก็บในชีวิต มีตำแหน่ง หน้าที่การงานที่ดี มีเงินใช้หลังเกษียณ ไปเที่ยวรอบโลก มีของเล่นๆ ดี กล้อง สินค้าไอที มีความสามารถในการทำบุญ มีอิสระภาพทางการเงิน อื่นๆ ซึ่งเป้าหมายต่างๆ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของคนที่ออกมาลงทุนในหุ้นด้วย แต่อีกอีกหลายๆ อย่าง ที่แต่ละท่านตั้งเป้าหมายในชีวิตไว้ให้กัน แต่ละท่านนั้น ส่วนใหญ่ต้องใช้เงิน ไม่ว่าจากหาเงินแบบไหน ซึ่งเป็นเป้าหมายต้นๆ ของการลงทุน ว่าอยากมีความมั่นคั่ง แต่ความมั่นคั่งหลายๆ ครั้ง คนเราก็สงสัย ว่า ควรต้องมีเงินเยอะๆ หรือ มีสินทรัพย์เยอะๆ ดี ในนักลงทุนหลายๆ ครั้ง บางครั้งติดกับเงินมากเกินไป ซึ่งส่วนใหญ่จะสนใจแต่ส่วนต่างราคามากเกินไป จนลืมว่าผลตอบแทนนั้น มีได้จากเงินปันผลด้วย ซึ่งต้องนี้เป็น Cash flow ซึ่งมีโอกาสเติบโตในอนาคตด้วย แต่นักเก็งกำไร บางครั้งสนใจแค่การได้กำไร ที่เปลี่ยนกลับมาเป็นเงินสดและใช้มันเลี้ยงปาก เลี้ยงท้อง แล

ต้นทุน ข้อมูลกำหนดการเติบโตของบริษัท

ต้นทุน ถือเป็นรายจ่ายของการทำธุรกิจ ธุรกิจต้องมีต้นทุนในการดำเนินงานต่างๆ แต่ละธุรกิจหรือบริษัทนั้น ทำหน้าที่นอกจากหารายได้แล้ว ต้องจัดการต้นทุนให้คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปที่สุด ด้วย ลักษณะของผล ประกอบการ รายได้ - รายจ่าย = + ถ้าต้นทุนน้อยกว่าถือเป็นกำไร รายได้ - รายจ่าย = - ถ้ามากกว่าเป็นขาดทุน รายได้ - รายจ่าย = 0 ถ้าออกมาพอดีถือว่า เสมอตัว ต้นทุนแต่ละธุรกิจนั้น มีความแตกต่างกันไป แต่ละบริษัท แต่ละอุตสหกรรม นั้นมีการดำเนินธุรกิจไม่เหมือนกัน เช่น วัตถุดิบที่ใช้ผลิตสินค้า แรงงานที่ต้องใช้ ซึ่งบางธุรกิจอาจไม่ต้องการวัตถุดิบอะไรเลยก็ได้ เช่น การบริการ หรือ การเงิน แต่จะไปหนักที่แรงงานที่ต้องใช้ อาจต้องมีทักษะในการจ้างสูงจำนวนมาก ในทางตรงข้าม ธุรกิจบางจำพวกต้องการใช้วัตถุดิบเป็นหลัก เช่น อุตสหกรรมการผลิตต่างๆ เป็นต้น ส่วนใหญ่ ผู้จัดการบริษัทนั้น มีหน้าที่ทำให้ธุรกิจดำเนินไปได้อย่างไม่มีปัญหา และอาจต้องหาทางลดต้นทุนให้บริษัทด้วย ถ้าบริษัทไหนต้นทุนนั้น มีเกินความจำเป็น บริษัทนั้นๆ ย่อมมีกำไรที่เกิดขึ้นให้ผู้ถือหุ้น น้อยตามไปด้วย ในประวัติศาสตร์การทำธุรกิจ หลายๆ ครั้ง บริษ

กาลามสูตร

รูปภาพ
บทความรับปีใหม่ ผมของคุยเรื่องธรรมะของพระพุทธเจ้าบ้างนะครับ ซึ่งเหมาะสมกับการนำมาปรับใช้ในการลงุทนครับ คำสอนในศาสนาเรานั้น เน้นให้ปฎิบัติมากกว่าเชื่ออย่างงมงาย ไม่ว่าเรื่องการพ้นทุกข์ เรื่อง ไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ทาน ศีล ภาวนา สำหรับผมถือเป็นแต่บทความนี้ ผมจะพูดถึงเรื่อง กาลามสูตร กาลามสูตรนั้นผมได้ยินครั้งแรก ตอนสมัยเรียนมัธยมวิชาภาษาไทย และได้อ่านซ้ำอีกครั้งในหนังสือเครื่องมือขุดเพชรในพระไตรปิฏก ของท่านพุทธทาส ซึ่งเป็นธรรมะเพื่อใช้พิสูจน์หลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะหลักธรรมนี้ พูดถึงการเชื่่อ การเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่งนั้น มีผลกระทบต่อชีวิตเรามากครับ เราจะยอมตายถวายชีวิตได้เพราะความเชื่อของเรานั้นละครับ ไม่ใช่เงินทองภายนอก หรือเกรียติยศ ชื่อเสียงแต่อย่างใด แต่เราเชื่อว่า ส่ิงนั้นจะนำสิ่งที่ได้ผลตอบแทนกับตัวเรากลับมาได้สูงสุดคุ้มค่ากับสิ่งที่เราเสียไป ดังนั้น เรามักจะเห็นคนที่เชื่อสิ่งผิดๆ ทำให้ตัวเองมีพฤติกรรมผิดๆ ไปด้วย ส่วนตัวผมจะพูดเรื่องมุมมองการลงทุนเท่านั้นนะครับ ไม่ขอพูดเรื่องอื่นๆ มากกว่านี้ คนส่วนใหญ่จะเลือกถือหลักทรัพย์ที่ตัวเองเชื่อว่า