บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2013

รู้จักกับปิโตรเคมี

หลังจากผมหน้าแหก ไปหัดเก็งวัฎจักรกลุ่มปิโตรเคมีก็ได้เรื่องเรื่องทันที คือ พลาดทั้งขายหมู เกือบติดดอย หนีลงมาได้ก็ทำการขายหมูต่อ ทำให้ผมอยากศึกษาให้เข้าใจว่าอุตสาหกรรมประเภทนี้เป็นอย่างไร ในมุมมองของการลงทุนผมถือว่าอุตสหกรรมปิโตรเคมีนั้น เป็นวัฏจักรอย่างชัดเจน ไม่สั้น และ ไม่ยาวมาก ถ้าเข้าใจการทำธุรกิจของสาขานี้อาจให้ผลประโยชน์ต่อการขยายพอร์ตหุ้นได้ไม่มากก็น้อย ถือเข้าประเด็นความตั้งใจในการศึกษาหุ้นวัฎจักรอีกแบบ ปิโตรเคมี (Petrochemicals) นั้นเป็นสารเคมีที่ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบและนำมาผ่านกระบวนการทางเคมีเพื่อให้ได้เป็นปิโตรเคมี โดยผลิตภัณฑ์ทางปิโตรเคมีนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ - กลุ่มโอเลฟินส์ (Olefins) ซึ่งกลุ่มจะเป็นวัตถุดิบในการสร้างพลาสติกต่างๆ โดยผลิตภัฑณ์ส่วนใหญ่จะได้ Ethylene, Propylene, Butadiene - กลุ่มอะโรเมติกส์ (Aromatics) ซึ่งกลุ่มจะเป็นวัตถุดิบในการสร้าง สารเคมีอื่นๆ Benzene, Toluene, Xylenes ข้อมูลนำมาจาก http://en.wikipedia.org/wiki/Petrochemical โดยที่เห็น คำว่าปิโตรเคมีคือผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากผลพลอยได้ของการกลั่นน้ำมัน ซึ่งนำไปเป็นวัตถุดิบของสินค้า

ความรู้สึกของนักลงทุนกับการลงทุนในตลาดหุ้น 2

อารมณ์ที่เป็นคู่กันคือ ความผิดหวังเจ็บใจ และ ความสมหวังสุขใจนั้น เกิดขึ้นกับนักลงทุน เป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุขหรือความเศร้าได้ ความผิดหวังเจ็บใจ เป็นสิ่งที่เตือนให้ทราบถึงผลลัพท์ที่ไม่ได้เป็นดังการคาดหวัง การลงทุนขาดทุนนั้นไม่ใช่เรื่องผิดปกติ ผมถือว่าเป็นสิ่งที่มาควบคู่กับเรา ในช่วงที่ตลาดหุ้นขึ้นอย่างต่อเนื่องและสูงสุดในรอบ 18 ปี ของตลาดหุ้นไทย ความรู้สึกสุขใจ สมหวัง มาพร้อมกับนักลงทุนแทนความรู้สึกเหล่านี้แผ่ขยายไปที่คนรอบๆ ข้างด้วย ทำให้มีนักลงทุนหน้าใหม่เข้ามาในตลาดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความโลภมีอยู่ทั่วไป มารวมตัวกันที่ตลาดหลักทรัพย์นี้เอง สำหรับช่วงนี้ หุ้นหลาย ๆ ตัว ได้ทำราคาขึ้นมาสูงเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้า 2-3 ปี ที่ผ่านมา อย่างน้อยผมหาหุ้นปันผล 7-9% แทบไม่ได้เลย เมื่อเทียบกับกับเมื่อก่อนเรียกกว่า ต่ำกว่า 7% แทบจะไม่สนใจเลย ความสุขใจสมหวังนั้น เป็นความรู้สึกด้านดี สำหรับผมเหมือนยาเสพติดที่ได้แล้วอยากได้อีก แถมอยากได้ด้วยปริมาณที่มากขึ้นด้วยซ้ำ จะบอกว่าเป็นต้นกำเนิดแห่งความโลภก็ว่าได้ ส่วนความผิดหวัง เจ็บใจ นี้เป็นความรู้สึกด้านไม่ดี เหมือนสิ่งสกปรก โสโครก  ไม

ความรู้สึกของนักลงทุนกับการลงทุนในตลาดหุ้น 1

บทความนี้ผมจะพูดถึง ความโลภ ความกลัว และสภาพตลาดของสินค้าทั่วไปและเปรียบเทียบกับตลาดหุ้น ในการลงทุนนั้นเราจะมีอารมณ์สองอย่างในการขับดันตลาดหุ้นคือ อารมณ์โลภ อารมณ์กลัว เป็นพื้นฐานที่นักลงทุนทุกคนเข้าใจ ว่าในช่วงที่นักลงทุนโลภตลาดจะวิ่งขึ้น แต่ช่วงที่นักลงทุนกลัวตลาดจะวิ่งลง เป็นธรรมชาติของตลาดหุ้นหรือการเก็งกำไร ปัญหาสำหรับผม การเกิดความกลัว หรือ ความโลภนั้น มาจากไหน ถ้าที่ผมสังเกตุคือ เมื่อคนเราคาดว่าอนาคตสินทรัพย์นั้นๆ จะมีราคาสูงขึ้น คนส่วนใหญ่จะโลภ และเมื่ออนาคตสินทรัพย์นั้นๆ จะมีราคาต่ำลง คนส่วนใหญ่จะกลัว ทำให้เกิดการคาดการณ์และส่งผลต่อคนทำให้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ในตลาดนั้นเองครับ ซึ่งถ้าตัวอย่างง่ายๆ ที่ไม่ใช่ตลาดหุ้น ลองนึกถึงปี 2554 ช่วงที่อาหารแห้ง น้ำดื่ม ขาดตลาด เนื่องจากความต้องการบริโภคสูงด้วยที่ต้องการนำไปกักตุนเป็นเสบียงด้วย ทำให้ของหลายชนิดขาดตลาดไปทันที (แต่กรณีนี้น่าจะเป็นอารมณ์กลัวทำให้คนซื้อสินค้ามากักกุนกันมากกว่านะครับ) ซึ่งในปกติคนเราต้องมีการบริโภค อาหารแห้ง น้ำดื่มกันอยู่แล้ว แต่ในบางกรณี เช่น น้ำท่วม มันส่งผลด้าน อุปทาน (Supply) ไม่สามารถผ

บันทึกการลงทุน 15/15/2556 ความผิดพลาดจากการคาดเดา

รูปภาพ
วันนี้เป็นวันหนึ่่ง ที่การคาดการณ์ลงทุนของผมนั้นผิดพลาดอย่างสูง ผมได้ซื้อหุ้นตัวหนึ่ง ในช่วง เดือนพฤศจิกายน ด้วยความคาดการณ์ว่า กำไรใน 3 ไตรมาสนั้น ต้องสูงกว่าปีที่แล้ว แต่สรุปด้วยค่าใช้จ่ายที่คงอั้นมา 3 ไตรมาส เลยมาลงที่ไตรมาสสุดท้ายหมด แน่นอน การขายดีขึ้้น แต่พอรวมค่าใช้จ่ายไตรมาสเดียว เหมือนกับไตรมาส4 นี้ไม่ได้ทำงานกันเลย แถมส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุม ดันเพิ่มอีก ทำให้การลงทุนผมครั้งนี้ถือว่าผิดพลาดอย่างรุนแรง อันนี้เป็นความเสี่ยงที่ผมไม่ได้คาดการณ์ ครับ เรียกว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน" การอนุมานว่า 9 เดือนผ่านมาได้กำไร 3 เดือนสุดท้ายควรต้องได้กำไรด้วยนั้น ถือว่าไปลงเรื่อง กาลามสูตร 10 ได้เลยครับ คือ  "อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา" แม้หลายครั้งผมจะสามารถหาหุ้นได้จากส่วนนี้ก็ตาม สรุปบทเรียนวันนี้คือ การคาดเดา ใช้ว่าจะถูกทุกครั้ง และ ส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมนั้้น สำคัญกว่าที่คิด