การลงทุนในปี 2554

บทความก่อนหน้าผมพูดเรื่องเศรษฐศาสตร์ ไปละ ว่าคงโต และก็คงมีปัญหาเศรษฐกิจตามวัฏจักรของมัน เช่น ของแพง เงินเฟ้อ ภาษีเพิ่ม

คราวนี้มาพูดเรื่องการลงทุนบ้างดีกว่า ว่าไปตามหลักเหตุผล แน่นอนถ้าเศรษฐกิจดี แนวโน้มการทำการค้า การขาย การให้บริการ ต้องมีมากขึ้นด้วยตามหลักเศรษฐศาสตร์ สิ่งที่จะตามมาคือแนวโน้มของรายได้จะมากขึ้น ซึ่งทำให้ราคาหลักทรัพย์ต้องเพิ่มขึ้นด้วย

แต่ปัญหาต่อมา คือการขยายกิจการ การลงทุนเพิ่ม การกู้เงิน จะตามมา อันนี้เป็นปัญหาท้าทายอยู่แล้วสำหรับบริหารธุรกิจ ซึ่งถ้าทำถูกที่ ถูกเวลา ก็จะดีมากต่อบริษัทและส่งผลดีในระยะยาวของ แต่ถ้าพลาดก็รับกรรมกันไปถ้วนหน้า ไม่ว่าผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ยันลูกน้องในบริษัทนั้นเอง

ถ้าจะดูการโตรายบริษัท ในปีที่เศรษฐกิจน่าจะขยายตัว ผมอยากให้ตระหนักไว้ คือ โตแบบไหน โตแบบ Margin เพิ่มไหม ซึ่งในปีที่แล้วส่วนใหญ่โตแบบ Margin เพิ่มแน่นอน นั้นจะเป็นสิ่งที่ดีมาก

แม้จะโตแบบ Margin ลดลงบ้าง หรือ ไม่มีเลย ก็ยังดีกว่า ถดถอย โดยเฉพาะปีนี้ ที่ใครๆ คิดว่า มันต้องดี ถ้าใครถดถอยหรือถอยหลัง ต้องให้ดูได้ละว่าเพราะอะไร ลงทุนเกินตัวไหม หรือ การขายลดลง ก็วิเคราะห์กันไปต่างๆนานา

ส่วนใหญ่ที่ฟังจากนักวิเคราะห์มาเค้าจะบอกว่า ปีนี้ 54 การโตคงไม่แบบปีที่แล้ว 53 โตอาจไม่มาก ลงทุนในหุ้นปีนี้น่าจะยากกว่าปี 53 แต่ผมไม่เคยจะจำได้สักทีว่า ปลายปี 52 เค้าว่าอะไรบ้าง และที่ว่านั้น มันถูกไหม แต่ตอนต้นปี มีคนให้เป้าหมายไว้ 1000 จุด น่าจะน้อยมาก คุ้นว่ามี900จุด แต่1000จุดนี้ ไม่แน่ใจเท่าไร

และส่วนที่บอกว่าการลงทุนปีนี้ยากกว่าปีที่แล้ว สำหรับผมมองว่า การลงทุนนั้นยากทุกปี ทุกไตรมาส ทุกเดือน ทุกสัปดาห์ ไม่ว่ารอบ ปี 46-47 รอบปีที่แล้วใช่ว่าจะได้กำไรตลอด ถ้าง่ายจริงต้องไม่มีขาดทุนเลย หรือต้องลืมคำว่า Cut loss ไปเลยนะครับ ถึงเรียกว่า ง่าย ปีที่ผ่านมาผม น่าจะCut loss ไป เกือบ 10 ครั้ง

สุดท้ายก็ขอให้เลือกลงทุนในตามที่เราเห็นสมควรนะครับ เลือกบริษัทให้ถูกใจ เข้าให้ถูกจังหวะ Cut loss ได้ ถือรอกำไรเป็น ก็ไม่น่ามีปัญหาแล้ว

ผมมีหน้าที่ชี้ความกังวลให้พวกท่านๆทั้งหลายไปรับความเสี่ยงกันเองนะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เครื่องหมาย NP ของตลาดหลักทรัพย์

StarfishX: สำหรับการดึง SET data

PPE vs Rev, Gross margin, New Margin