บันทึกการใช้จ่ายเงินเพื่อปลดหนี้ให้แม่-16/10/2014 (4): สรุปข้อคิดที่ได้รับในช่วงปรับตัว
หลังจากเข้าปฎิบัติการณ์ล้างหนี้ให้แม่มาเกือบครบเดือนแล้ว สถานการณ์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น แต่นี้ผมหนี ดอกเบี้ย 20% พยายามจะกู้เงินจากการจำนองบ้านซึ่งดอกต่ำกว่าชัดเจน เกือบ 10% ซึ่งผ่านมาหลังจากเซ็นเอกสารไป สัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อวันอังคาร 14/10/2557 คนประเมินสินทรัพย์เพิ่งมาประเมินบ้าน ซึ่งผมภาวนาว่า ขั้นตอนควรเสร็จก่อน การจ่ายเงินรอบถัดไป เพื่อไม่ต้องหาเงินหลักแสนไปจ่ายเงินบัตรเครดิตในรอบเดือนนี้
ส่วนเรื่องดีของผมคือการลดเงินใช้จ่ายเหลือวันละ 200 บาท ทำให้สิ่งที่ผมปราถนามาเรียกว่าเป็นความฝันช่วง 23-24 สำเร็จไปอีกขั้นคือ เงินปันผลผมปีหน้าจะสามารถใช้เป็นเงินในชีวิตประจำวันได้ โดยผมไม่ต้องง้อเงินจากงานประจำ หรือเรียกง่ายๆ คือ ผมได้อิสรภาพทางการเงินแน่นอนในปีหน้า ทำให้ต้องวางแผนใหม่ เริ่มหลังมิถุนายนปี 58
ส่วนตัวผมก็ได้เปลี่ยนวิธีการใช้เงินมาเป็นระดับช่วงที่ไม่มีงานเมื่อ 6ปีก่อน
เรื่องหนึ่งที่ ผมสัมผัสได้ถึงคำว่าเงินเฟ้อ เมื่อก่อนตอนเรียนเศรษฐศาสตร์ผมเรียนแต่การคำนวณ หรือ เงินเฟ้อ แต่พอตอนนี้กลับมาดูคือรู้สึก อาหารตามสั่งไป 35 40 ละ เสื้อยืด กางเกง ต่ำกว่าหลัก100 บาทหายาก รวมไปถึง ค่าตั๋วหนังที่ตอนนี้ต้องส่ง SMS ไป ขอส่วนลด ไม่นับป๊อปคอร์น การ์ตูนที่เมื่อก่อนผมพกแบงค์ร้อยไป ได้มาอย่างน้อย 3 เล่ม แต่เดี่ยวนี้ แบงค์ร้อยใบเดียว ได้กลับบ้าน 1-2 แค่นั้น ต้องมี 120 ขึ้น มีแต่รถเมล์ที่ยังไม่ปรับจนรู้สึกว่าแพงมากเท่าไร
เมื่อก่อนเงินเดือนที่ต้องใช้มีเหลือ แต่ตอนนี้ต้องประหยัดขั้นสุดๆ เลยได้ข้อคิดหลายอย่าง ในรอบเดือนนี้นะครับ
คนเราสามารถปรับตัวให้เข้าได้ทุกสถานการณ์ ถึงจะมีความสุขได้
- โลกธรรม 8 (ลาภ-ความเสื่อมลาภ ยศ-ความเสื่อมยศ นินทา-สรรเสริญ สุข-ทุกข์ ) ของพระพุทธเจ้านั้น สำคัญในครองชีวิตมนุษย์โดยเฉพาะวัยทำงาน ตอนนี้ ผมเห็นชัดจาก ความเสื่อมลาภ จากมีเงินใช้สอยสบายมือ กลายเป็นถอยหลังเริ่มต้นใหม่ในการการทำงาน แรกๆ ก็ทุกข์ ก็เครียด แต่คิดไปมา ผมก็เพิ่งเริ่มสบาย มาสัก 2 ปี และยังไม่ได้ยกระดับชีวิตตัวเองไปสูงเท่าไร พอเจอปัญหาพวกนี้ก็ถือว่า ปรับตัวได้เร็ว กลับไปตั้งต้นอีกได้ไหวอยู่
- เมื่อก่อนใช้เงินวันละ 400 บาท กินขนมของว่าง โกโก้ ก็เลิกซะ มาเหลือวันละไม่เกิน 200 แถมมีเหลือใช้ต่อวันพรุ่งนี้ได้ด้วย
- การจัดซื้อ การหาของถุก เช่น การผ่านพ่อค้าคนกลางให้น้อยที่สุด หรือ หาคนที่เสนอราคาที่ดีที่สุดให้กับเราได้ นั้นเป็นเรื่องสนุกมากครับ
- ความสุขที่มีต้นทุนต่ำ ใช้เงินน้อย ใช้เวลา ความสามารถเยอะ อาจไม่ได้ดีที่สุด แต่ต้องจำไว้ว่าเรามีแค่ไหน
- เมื่อเงินมีจำกัด สมองเราจะมีกลไกทำงานในการเปรียบเทียบสูงขึ้น ตอนนี้แค่ผมจะซื้อน้ำอัดลมสักกระเป๋า ผมคิดแล้วคิดอีก กว่าจะตัดสนใจได้
- คนที่อยู่รอบข้างคุณ ควรได้รู้ปัญหาเพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ในการปรับตัวของคุณ
- หาทางออกจากสภาพแวดล้อมเก่าๆ ที่ทำให้เงินคุณไหลออกอย่างไม่รู้ตัว
- คนรอบข้างคุณ อาจให้กำลังใจ หรือ ซ้ำเติมก็ได้ เพราะเป็นเรื่องของเค้า แต่คนที่ควรให้กำลังใจคุณได้มากที่สุด คือตัวเราเอง
- คุณอาจจะสติแตกในส่วน สอง สามวันแรก แต่ต้องรีบกลับมาให้เร็วที่สุด เพื่อตัวคุณเอง
- การวางแผนอาจจะผ่านความคิด สมการ ที่ซับซ้อนมากมาย แต่สุดท้าย ต้องตีออกมาเป็นคำพูด หรือ ตัวเลขที่ง่าย และไม่ซับซ้อนขนาดเด็ก ป4 ควรต้องเข้าใจ
- แผนการณ์ที่คุณคิดว่าสมบูรณ์ที่สุดแล้ว แต่ระยะเวลาที่ปฎิบัติยาวนาน ยิ่งทำให้แผนที่สมบูรณ์นั้นล้มเหลว
- พยายามสร้างทักษะใหม่ๆ ที่ใช้การฝึกฝน มากกว่าใช้เงิน เพราะเนื่องจากคุณได้งานอดิเรกใหม่ๆ ที่อาจจะสร้างเงินได้ และผ่อนคลายความเครียด คุณจะได้ไม่ไปเสียเวลาไปเปล่าประโยชน์ และอาจทำให้เสียทรัพย์ด้วย
- ทุกอย่างยาวนานและยากสุดในตอนเริ่มต้น โดยเฉพาะวันแรกๆ พอปรับตัวได้แล้วไม่ได้ง่ายลงเมื่อเทียบกับวันแรก แต่เราเริ่มชินกับมัน และความชินจะทำให้เราชำนาญในการดำเนินงานช่วงนั้น มันจะผ่านไปเองอย่างเร็วขึ้น
สุดท้ายที่ผมอยากบอกคือ ผมมาถึงเป้าหมายอีกแล้ว เป้าในการอิสรภาพทางการเงินและความรู้สึกเดิม ว่าไมไ่ด้ดีใจอะไรเลย แม้มองย้อนหลังไป ไม่ไหวแฟนตาย แฟนเลิก ผมก็รู้สึกดีใจไปหมดแล้วตอนได้ 7หลักครั้งแรกเมื่อ 2ปีที่แล้ว แต่รอบนี้อาจจะเพราะว่า ผมเจอปัญหาหนักกว่าที่จะดีใจ แถมดันลดเป้าหมายเลยบังเอิญ คิดมาได้ว่ามีเป้าหมายนี้ แต่ลืมไปแล้ว
เป้าหมายต่อไปคือทำเงินปันผลให้ได้ เท่ากับตอนทำงานที่ปรึกษาครั้งแรกครับ ถ้าเป็นไปได้อยากได้ก่อนชำระหนี้แม่หมดครับ น่าจะสัก 3-4 ปี
ขอให้ใช้จ่ายอย่างมีสตินะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น