อิสรภาพทางการเงินแบบคำของไทยๆ

ผมใฝ่ฝันถึงอิสรภาพทางการเงินมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพตั้งแต่ตอนผมอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูก เรียกว่า เป็นครั้งแรกที่รู้จักคำศัพท์ว่า “อิสรภาพทางการเงิน” Financial freedom

ความจริง คำว่า “อิสรภาพทางการเงิน” Financial freedom นั้น อาจจะอยู่กับคนไทยมาแน่ แต่ไม่มีใครนำเสนอหลักการการไปสู่จุดนั้น จนมีตำราทางตะวันตกที่โด่งดังอย่าง Rich dad Poor dad มานำเสนอคำ “อิสรภาพทางการเงิน” Financial freedom คำนี้จึงติดหัวคนไทย ไม่ว่าใครจะทำธุรกิจโดยตรง ทำขายตรง หาเครือข่าย รวมถึงลงทุนด้านต่างๆ ก็ใช่คำนี้เป็นแรงบรรดาลใจ เป้าหมาย รวมถึงคำล่อลวง ให้เข้ามา

การมีชีวิตโดยไม่ต้องกังวลหรือเงินทองนั้น ผมว่าเป็นเป้าหมายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกชาติ ในระบบเศรษฐกิจรูปแบบทุนนิยม ซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้แรงงานทางร่างกายรวมถึงแรงงานทางสมอง แลกค่าจ้างมา โดยวิชาเศรษฐศาสตร์เรามองว่า คนทั่วไปเป็น ปัจจัยการผลิตชนิดหนึ่ง ซึ่งคนวัยทำงานอย่างเราๆ คงเข้าใจประโยคนี้นะครับ

ดังนั้นผมจึงมองเห็นคำว่า อิสรภาพทางการเงิน มาแต่นานละก่อนที่จะมี Rich dad Poor dad เสียอีก แทบจะอยู่ในสังคมคนไทยเลยทีเดียว เช่น สำนวนไทย คำเปรียบเทียบ อุปมาอุปไมย สุภาษิต คำคมบ้าง วลีตั่งแต่ในชีวิตประจำวัน ยันงานเทศกาล เพื่อไว้เป็นคำสอนในการดำรงชีวิต

เช่นคำที่คุ้นเคยหน่อย “เหลือกิน เหลือใช้” เวลาเราบอกใครสักคนว่าเค้ารวย และมีเหลือกิน เหลือใช้ มันทำให้รู้สึกว่ามีมาก จนใช้แล้วเหลือ
หรือเวลาเราอวยพรใครจะใช้คำว่า “เงินทองไหลมาเทมา” เมื่อก่อนผมก็คิดภาพไม่ออก แต่เงินทองไหลมาเทมาได้อย่างไร ดูแล้วมันเยอะมากขนาดเงินทองมันไหลมาได้ ถ้านึกถึงความเป็นจริงแบบเห็นรูปธรรมสักหน่อยคือ เค้ามี Passive incom จำนวนมากๆ ที่เลี้ยงชีพเราได้

คำสุดท้ายที่ผมได้ยินประจำในงานแต่งงานคือ ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร มีลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง เป็นที่นิยมมาก แต่สำหรับผมว่ามีความหมายอย่างสูง กว่าที่จะฟังกันผ่านๆ หูไปเฉยๆนะครับ

“ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร” คำหมายถึงชีวิตคู่ที่อยู่กันยั้งยืนอยู่กันจนแก่เฒ่า และจะตามด้วย ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมือง แต่ผมสนใจวลีแรกมากกว่า เพราะแสดงถึงความมั่งมีในชีวิตคู่และอยู่กันได้จนแก่เฒ่า  

ชีวิตคู่ที่อยู่กันจนถึง “ถือไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร” สมัยนี้คงไปได้แค่คำ คำเปรียบเทียบ อุปมาอุปไมย เพราะถ้าเราถือจริงคงเป็นอันตรายต่อโจรกรรมอย่างสูงครับ แต่ก็มองได้ว่าสมัยก่อน ไม้ยอดทอง กระบองยอดเพชร ผมว่าคนที่มีได้คงต้องมีฐานะสูงระดับนึง ถ้าคู่แต่งงานจะมีได้คงต้องใช้กันทำมาหากินจนมีสมบัติเหลือ จนใช้ ไม้เท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร ในวันที่แก่ชราได้

คู่บางคู่อยู่กันไปมีแต่ปัญหาทางการเงิน อยู่แล้วเดี๋ยวอยากได้โน่นได้นี้ เงินไม่พอก็ไปกู้มา ทำงานจนเกษียณถึงใช้หนี้หมด บ้างก็ไม่หมด ถ้าบ้างคนมีความสามารถหน่อย ก็หางานทำต่อได้ แต่ถ้าไม่ได้ ก็อยู่อย่างให้ลูกหลานค่อยดูแลเรื่องการเงิน เมื่อแก่มากๆ ไม่มีเงิน ถ้าลูกหลานไม่ค่อยรู้จักคำว่า “กตัญญูรู้คุณพ่อแม่“ ก็คงไม่พอใจถึงระดับสูง แถมยิ่งแก่ก็ยิ่งขี้น้อยใจด้วย เพราะเราไม่สามารถทำไรได้ เหมือนเป็นแผลในใจ พอสะกิดโดนก็น้อยใจ น่าสงสารท่านนะครับ พวกนี้อย่าไปทำเลย

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เครื่องหมาย NP ของตลาดหลักทรัพย์

StarfishX: สำหรับการดึง SET data

PPE vs Rev, Gross margin, New Margin