ความรับผิดชอบต่อเงินตรา และ เงินเป็นพิษ

เห็นเป็นบทความที่ 200 ที่เขียนไว้ใน Blog ไม่นับที่ไม่ได้ เผยแพร่ด้วย สำหรับผม เป็นเรื่องที่แอบตลก เพราะตอนเริ่มต้นเขียนบทความที่ Blog นี้ เรียกว่ากะทิ้ง ความรู้ไว้ใน internet เฉยๆ เพราะตอนนั้นไม่มีอะไรเหลือในชีวิตสักอย่างเลย ตั้งแต่ งาน เงิน แฟน รวมทั้งชีวิต แต่ชีวิตก็เรียกว่าได้พบจุดเปลี่ยน หลังจากเริ่มทำงานอีกครั้ง เริ่มมีงาน มีเงินเก็บ เคยฝันว่าจะมีสัก 1 ล้าน ก็ทำได้ ด้วยความรู้ของการลงทุน

ชีวิตช่วงปี 2557-2558 เรียกว่าเป็น แบบทดสอบชีวิตและการบริหารเงินของผมเลยทีเดียว ในยุคที่ผมเขียน Blog นี้ ครั้งแรกๆ เรียกว่าผมไม่มีงาน ไม่มีเงินเลย แต่วันนี้กลายเป็น เสาหลักของครอบครัว และ มีเงินทองไว้ช่วยเหลือคนรอบข้างได้บ้าง และ หาเสพความสุขจากเงินทองที่เราได้รับจากรายได้ และเอาเงินปันผลที่มี ไปใช้ชำระหนี้สินของก้อนใหญ่ให้ทางบ้าน แม้จะไม่พออยู่ดี

ความรับผิดชอบต่อเงินตราที่ผมหาได้ เรียกว่าแทบจะหมดไปกับการ ดูแลหนี้สิน และ การลงทุน นั้นเอง ซึ่งเป็นความรับผิดต่อคนในครอบครัวทางหนึ่ง

อีกด้านนึง ผมเคยบอกไว้ว่า เงินกินไม่ได้ เงินซื้อความสุข ไม่ได้ เงินซื้อความฉลาดไม่ได้ แต่เงินซื้ออาหารมื้อหนึ่งดีๆได้ แถมเลี้ยงข้าวสาวได้ เช่าโรงแรมต่างจังหวัดเพื่อพาครอบครัวไปเที่ยวได้ ซื้อหนังสือดีๆได้ ลงเรียนคอร์สได้

หน้าที่ของเงินคือ สื่อกลางการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ยิ่งเทคโนโลยีไปไกลเท่าไร โลกโดนเชื่อมมากขึ้น นวตกรรมเกิดขึ้นมากเท่าไร เงินก็ยิ่งหาสินค้าและบริการได้มากเท่านั้น สิ่งนี้คือ หน้าที่ของการเงิน

ปัจจุบันผมเคยสนทนากับน้องๆ เพิ่งจบมา จะพบได้ว่า ความอยากมีอิสระภาพ การเป็นนายตัวเอง เป็น Trend ใหม่ ที่ทุกคนใฝ่ฝันถึง ผมเคยพยายามไป แต่คำว่าตกงานมีอิสระ ไม่มีรายได้ที่แน่นอน อาจเป็นฝันร้ายสำหรับผมมากกว่า

หมายถึงทุกๆคน อยากขายสินค้า บริการ ที่เป็นของตัวเอง สำหรับผม คือ ถ้ามองใน มุมศิลปะ ขายผลงานตัวเองได้ ขายลายเซ็นตัวเองได้ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำจุดนั้นได้ เราจึงต้องมีความรับผิดชอบต่อเงินตราในด้านการหา ไม่ว่าจะเงินเดือน การขายค้า การให้บริการ หรือ การสร้างผลงานก็ตาม

ความรับผิดชอบต่อเงินตราอีกด้านคือ การใช้ เราสามารถรวยได้จากการใช้ให้น้อย นี้คือความจริงที่แสนลำบาก เมื่อคุณโตขึ้น คุณจะมีหน้าที่คนรอบข้างและตัวเองมากขึ้น ค่าใช้จ่ายจะตามมาเองไม่ว่าจะทางตรง หรือ ทางอ้อม

ดังนั้น ความรับผิดชอบต่อเงินตรา ที่เราต้องทำคือ ใช้ให้พอสมควร กับที่เราหาได้ โดยที่สามารถทำให้เรามีความสุขและดูแลคนรอบข้างที่ควรดูแลได้

สุดท้ายคือ ทำให้งอกเงย อันนี้ก็การลงทุน ซื้อสินทรัพย์ที่เราสมควรซื้อ

สำหรับผม ปัญหาส่วนใหญ่ของเงินเป็นพิษ คือ ไม่พอใช้ ไม่ว่าจะมาจากการใช้เงินเกินตัว หรือ เหตุจำเป็นบางอย่างที่ทำให้ ค่าใช้จ่ายพุ่ง

พวกใช้จ่ายเกินตัว บางคนเรียกว่าติดหรูบ้าง บางคนก็รายได้ลดลงจนทำให้ไม่สามารถมารองรับค่าใช้จ่ายแบบเก่าๆ ได้ ต้องไปทำให้ต้องพยายามหาวิธีแบบแปลกๆ รวมไปถึงด้านทุจริต ผิดกฎหมายก็มี ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ดีเลย

เงินไม่ใช่สิ่งชั่วร้าย ความโลภก็ไม่เลวร้ายมากเกินไป แต่การหาเงินโดยใช้วิธีที่ผิด ศิลธรรมและกฎหมายนั้นละครับที่เลวร้าย ทำให้เงินเป็นพิษ พิษที่ทำลายกระทั่งความเป็นคนของคนที่ต้องการเงินไปครับ

สุดท้ายก็มาจบที่เราต้อง หาเงินได้จากความรู้ความสามารถ หาจ่ายในสิ่งที่จำเป็นและทำให้เรามีความสุขอย่างคุ้มค่า พยายามคุมต้นทุนคงที่ในชีวิตให้คงที่ และพยายามให้เงินทำงานด้วย

โชคดีในการลงทุนครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เครื่องหมาย NP ของตลาดหลักทรัพย์

StarfishX: สำหรับการดึง SET data

PPE vs Rev, Gross margin, New Margin