บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก พฤศจิกายน, 2013

บันทึกการลงทุน 1/12/2556 เริ่มเข้าสู่ช่วงการเมืองที่ร้อนแรงที่แท้จริง

รูปภาพ
คืน 30 เดือนพฤจิกายน เป็นคืนที่เริ่มมีคนเสียชีวิตครั้งแรกตั้งแต่เริ่มชุมนุมที่มหาวิทยาลัยรามคำแหง เหตุเกิดในวันเสาร์นะครับ ซึ่งต้องรอปฎิกิริยาของตลาดในวันจันทร์ว่าจะไปทางไหน รวมทั้งแนวโน้มการชุมนุมทั้งสองฝ่ายด้วยที่ต้องดูตั้้งแต่วันนี้ไปด้วย แต่ ณ ปัจจุบัน สิ่งหนึ่งที่มีคนไม่มั่นใจในตลาดของเรานั้นคือกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ คนไทยอาจจะเริ่มชินกับม็อบ(แม้ผมไม่อยากจะให้ชินกันเลย) แต่คนต่างชาตินั้น เงินของเค้ามีค่ามากกว่าอะไรทุกอย่างในประเทศของเรา พอถึงเวลาเมื่อเค้ารู้สึกไม่ปลอดภัย เค้าจะนำเงินกลับทันทีทัน ไม่ว่าจะกำไร หรือ ขาดทุน เพราะอย่างน้อย เงินเค้ายังนำไปสร้างผลตอบแทนในรูปแบบอื่นได้ โดยที่มีความเสี่ยงทางการเมืองน้อยกว่า อย่างน้อยภาพก่อนเข้าเดือนสุดท้ายนักลงทุนต่างชาติก็ขายไปแล้ว 1.5แสนล้าน ในยอดรวมในปีนี้ ณ วันนี้ตลาดยังไม่รับข่าวที่เกิดขึ้น เมื่อเปิดวันจันทร์มาถึงจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อะไรจะเกิดขึ้น Mr.Market จะทำตัวอย่างไร ขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ

บันทึกการลงทุน 22/11/2556 เมื่อพายุมาหมูก็บินได้ เมื่อแรงดึดดูด 300 เท่ามา คงมีแต่ซุปเปอร์ไซย่าเท่านั้นที่บินได้

รูปภาพ
ปีนี้เป็นปีที่น่าจดจำสำหรับคนเล่นหุ้น หรือ นักลงทุน ไม่ว่าจะเป็นด้านที่หุ้นบวก หรือ หุ้นลบ แม้จะเหลือเวลาอีก 1 เดือน แต่สำหรับผม คงต้องจำปี 2556 ไว้ เพราะ มันทำให้รู้จัก นายตลาด หรือ Mr.Market ของพวกเราเป็นอย่างดี แค่ปีเดียว เมื่อต้นปี ตอนเนืองจากปีที่แล้ว ผมยังรับรู้ความรู้สึกของคนอยากลาออกจากงานประจำเพื่อมาเล่นหุ้นอย่างเดียว ไม่ว่าจะได้อ่านจากหนังสือเล่มไหนก็ตาม ทุกคนจะคิดว่าเราสามารถทำได้ ซึ่งหนังสือหลายๆ เล่มก็จะสอดไส้ความคิดแนวๆ นี้ไว้ โดยปกติ ซึ่งถ้าใครลองดูแล้วขาดทุน ชีวิต ณ จุดนี้อาจเป็นช่วงที่แย่สำหรับคุณ แม้สำหรับผม ปีนี้ก็ถือเป็นปีแรกในรอบ 4-5 ปี ที่ผลการลงทุนติดลบ ยิ่งถ้าไม่นับปันผลด้วย ปีนี้ถือว่าล้มเหลวเลยด้วยซ้ำ ขาดทุนครั้งแรกๆ ในปีการลงทุน แต่ในอีกด้าน เมื่อผมดู บันทึกการลงทุนปีนี้ ผลกำไรหลายตัวเริ่มไม่โต คงที่ แม้จะมีภาษีนิติบุคคลที่ลดลงไปแล้วก็ตาม หลายตัวก็เรียกว่า มีแต่ทรงกับทรุด ปีนี้ผมว่าถ้าใครโตได้ด้วยการดำเนินกิจการแบบเดิมๆ โดยไม่มีสถานการณ์พิเศษ เช่น รายได้อื่นๆ หรือ การควบรวม ผมถือว่า เจ๋ง ส่วน P/E ของตลาด เมื่อตอนต้นปี 1400-1500 นั้น ประมาณ 19 เท่า แต

ผมมีความรู้เรื่องลงทุนในหุ้นขนาดไหน ผมมีความสามารถในการลงทุนขนาดไหน

โดยปกติ ผมเป็นคนที่ชอบเจอคำถามแบบนี้ เล่นหุ้นมานานยัง กำไรเป็นไง ดีไหม รวยไหม เครียดไหม ถือไรอยู่ เล่นตัวไหน มีหุ้นไรแนะนำบ้าง เป็นคำถามที่คนส่วนใหญ่ชอบถามผม และ เจอคำถามแบบนี้บ่อยๆ มาก จนสร้าง Step ลำดับการตอบได้หมดแล้ว แต่ผมเป็นคนโรคจิตอย่าง ชอบเปิดพอร์ตให้กับคนที่สนิทๆ ดูได้ไม่กังวลไรเท่าไร ซึ่งต้องยอมรับอย่างว่า พอร์ตผมค่อนข้างจะสร้างคำถามเชิงบวกให้ระดับนึง ถึงแม้ช่วงนี้จะสร้าง New low  และมีหุ้นแดงเยอะสุด ในรอบ 2 ปี อยู่ก็ตาม ดังนั้น การตอบคำถาม ส่วนใหญ๋บางครั้งก็จะกวนประสาทคนถาม เช่น หาหุ้นได้ไง ก็ตอบง่ายๆ ว่า ฟังคนอื่นมาบ้าง ดูรายการ Money talk บ้าง แล้วมาแกะงบ ดูธุรกิจบ้าง ตอบบ้างคำถามเช่น รู้ได้ไงว่าหุ้นนี้จะโต ส่วนใหญ่ก็ตอบว่า "กูก็ไม่รู้" เพราะไม่รู้จริงๆ แม้หลายๆครั้ง มั่นใจมากๆ ว่า ธุรกิจนี้มันจะโตแน่นอน แต่บางครั้งมันก็ทำราคาร่วงให้เราเห็น ชัดๆ เหมือนกันด้วย ไม่ว่าผมจะอยู่ตลาดมาตั้งแต่ปี 2544 จนมา ณ วันนี้ก็ 12 ปีแล้ว ก็ยังยอมรับว่า ไม่คุ้น แล้วคิดว่า มันคงไม่คุ้นไปตลอดชีวิตเหมือนกัน สำหรับที่เราคิดว่ามันดี มันต้องขึ้น แต่ราคาลากเราลงซะตกใจ ส่วนใหญ่หล

ณ จุดนี้จนเลิกทำงาน เราสามารถหาเงินได้กี่บาท

วันนี้ผมพูดเรื่องเกษียณกับเพื่อน ก็มีบ่นๆ กันไปสำหรับมนุษย์เงินเดือนอย่างเราๆ แม้ผมจะวางแผนการเกษียณอายุไว้สวยหรูเพียงใด ว่าจะได้เงินปันผลจากหุ้นแบบใช้ชีวิตได้ และทำแผนปฎิบัติการณ์ไว้อย่างดี เป้าหมายที่ชัดเจน แต่ผมไม่เคยคำนึงถึง ทรัพยากรเลย ด้านทรัพยากรนั้นสำหรับผมคือการนำไปสร้างผลผลิตคือ ดอกผลจากสินทรัพย์ ประเภทต่างๆ โดยมีต้นทุนเป็น เงินออม ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ดังนั้นผมจึงเริ่มสงสัยว่า ตัวผมเองนั้น จะสร้างเงินออมได้เท่ากันแน่ และชีวิตจากนี้ไปผมจะสร้างเงินออมได้เท่าไร ถ้าผมทำงานอีก 20ปี ผมจะสร้างเงินจากงานได้ดังนี้ ก็ได้ตัวแปรออกมาดังนี้ Y = จำนวนปีที่ต้องการจะทำงาน M = จำนวนเดือน ทั้งหมดของชีวิตที่เหลือ หรือ M = Y * 12 B = จำนวนเงินเดือนต่อเดือน S = จำนวนเงินที่คาดว่าจะออม ต่อเดือน ดังนั้นจะได้ จำนวนเงินทั้งหมด = B * M หรือ B* (Y* 12) จำนวนเงินเก็บทั้งหมด = S * M จำนวนเงินเก็บทั้งหมดคือ จำนวนเงินที่ผมจะนำไปลงทุนได้นั้นเองครับ ปกติพวกเรามักจะนึกถึงแต่รายจ่าย จนบางทีเราลืมไปว่า เรามีความสามารถในการหาเงินขั้นต้นได้เท่าไร สมการนี้ น่าจะพอทำภาพร่างๆ ของเงินท

สังคมคือการรวมตัวอยู่ของมนุษย์ ตลาดหุ้นคือการรวมตัวอยู่ของผู้แสวงหาผลตอบแทน

ช่วงนี้เป็นอีกช่วงที่สังคมไทย ได้มีการแสดงออกของความเห็นทางการเมือง แม้จะไม่เหมือนครั้งก่อนๆ เป็นอีกกลุ่มนึง ที่เห็นต่าง แต่รวมๆ สำหรับปรากฎการณ์ของการชุมนุมครั้งใหญ่ในประเทศไทยของเรา จะไม่ค่อยมี ม็อบชนม็อบ ซึ่งสำหรับผมก็ดีแล้ว ไม่งั้นจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองไป แต่ส่ิ่งที่น่าสนใจกว่าสำหรับผมก็คือตลาดหุ้นมีแนวโน้มอ่อนแอ และ ไม่เสถียรภาพเอาซะเลย พอมีสาเหตุทางการเมืองก็ร่วงเอาๆ พอจบบางประเด็นก็ขึ้นเอาๆ ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา เราน่าจะเริ่มชินกับการประท้วง ก่อม๊อบ ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ตาม ม๊อบและการประท้วงอยู่คู่ประเทศไทยมาสักใหญ่ละ แต่สิ่งที่ผมกลัวกว่า คือ เราเริ่มชินกับมัน สังคมเหมือนยอมรับการมีอยู่ของม๊อบไปแล้ว ไม่ว่าจะสีไหน ขั่วไหนก็ตาม แต่อีกอย่างที่ผมกลัวกว่าคือ ระดับผู้บริหารของประเทศ ละเลยเรื่องการแก้ปัญหาที่ก่อให้เกิดม๊อบ หลายๆครัั้ง หลายๆรัฐบาลทั้งๆ ที่รู้ว่าการกระทำ บางอย่างเป็นการเรียกแขก เค้าก็ยังทำ เพราะไม่ว่าโดนเหตุผลใดๆ ก็ตาม ที่ทำให้เค้ารู้สึกว่ามันไม่ใช่ การตอบปัญหาของผู้บริหารประเทศ ผู้ออกกฎหมาย หรือผู้บังคับใช้กฎหมายก็ตาม หลายๆครั้งทำให้หลายๆคน มีอารมณ์ร่วม และเก็บกด จน