บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2010

การประชุมผู้ถือหุ้น

เมื่อเราได้ถือหุ้นหรือได้ลงทุนซื้อหุ้นบริษัทไหนมา นั้นเท่ากับเรามีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของบริษัทนั้นได้( แม้ว่าเราไม่เคยสามารถเอาไปเบ่งกับอะไรได้ก็ตาม ) ดังนั้นในรอบปีจะมีการเรียกประชุมผู้ถือหุ้นอย่างน้อยปีละครั้ง ซึ่งเว้นแต่ว่าจะมีเหตุการณ์ไรสำคัญจริงๆ ถึงจะเรียกประชุมขอมติผู้ถือหุ้นครับ ซึ่งส่วนใหญ่ก่อนจะเรียกผู้ถือหุ้นมาประชุม หลักทรัพย์นั้นๆ จะขึ้นเครื่องหมาย XM ซึ่งถ้าเราถือหุ้นอยู่ถึงช่วงนั้น เราก็ได้สิทธ์ในการเข้าประชุมด้วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมีวาระการประชุมต่างๆ เกิด เช่นรับรองการจ่ายปันผล ขอเพิ่มทุน ตั้งแต่งคณะกรรมการใหม่ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่พวกกองทุนจะให้ความสำคัญต่อการประชุมมากเพราะเป็นโอกาสที่ได้ซักถาม แนวทางการบริหารต่างๆ หรือได้ถามข้อสงสัยในแต่ละเรื่องของบริษัทมหาชนนั้นๆ ส่วนความสำคัญที่ดี แม้ว่าเราจะถือหุ้นแค่เพียง 1 หุ้น เราก็ได้รับสิทธิ์ที่ได้เข้าร่วมประชุม รวมถึงได้รับรายงานประจำปีด้วย แม้เสียงเราจะน้อยแต่เราอาจทำเสียงดังในที่ประชุมได้ นั้นละครับ ที่บอกในบทความนี้คืออยากให้เราทราบและได้ใช้สิทธิ์ที่เรามีอย่างเต็มที่ เงินของเรา การลงทุนเรา อย่างได้มีโอกาสได้ตรวจสอบบ้างครับ ล

ข้อเสียของการอ่านงบการเงิน

บทนี้เป็นเรือ่งเจ็บซ้ำน้ำใจนิดหน่อยในการวางแผนลงทุนผม มาเขียนไว้ให้อ่านเพื่อได้เป็นประสบการณ์ที่มีประโยชน์กับเพื่อนฝูง ผมเป็นคนที่ไม่สนใจข่าวลือเกี่ยวกับหุ้นเลย (ความจริงคือไม่มีแหล่งข่าวเป่าหูอะครับ) เป็นคนเชื่อเรื่อง เศรษฐศาสตร์ การวิเคราะห์เทคนิค และ งบการเงินมากกว่า โดยศาสตร์สุดท้าย งบการเงินนี้ผมให้ความสำคัญมากที่สุด แต่ข้อเสียของการอ่านงบการเงินนั้นมีอยู่นิดนึง คือ “งบการเงินเป็นเรื่องของอดีต ไม่ใช่เรื่องอนาคต” บางครั้ง ผลการดำเนินที่ดีในอดีต ไม่ได้บอกว่าปีนี้ มันจะดีไหม ที่ต้องมาเขียนบทความนี้มันเนื่องมาจาก หุ้นสุดรักผมตัวหนึ่งในพอร์ตการลงทุนของผม อยู่ดีๆ มันตกรุนแรง จากปกติเป็นแม่ทัพวิ่งนำพอร์ต จากกำไรกลายเป็นขาดทุน จากเขียวกลายเป็นแดง ตอนแรกผมก็กะว่าจะเก็บไว้ แต่สักพักแดงมา 5% ผมยังอยากเก็บไว้อยู่ แล้ววันดีมันก็ตกลงมา 10 % ผมเลยต้องรีบไปอ่านข่าวใน www.set.or.th แล้วได้เห็นงบการเงินไตรมาสล่าสุด เค้าเล่นขาดทุนแบบหลัก ร้อยล้าน เหลือ หลัก สิบล้าน แบบเห็นแล้วแทบเป็นลม ผมเลยต้องตัดใจขายทิ้งไปก่อน นั้นละครับ แม้งบการเงินมันจะไม่ได้บอกว่า พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไร ฉันควรต้องทำใจรึปล่าว เ

การวางแผนซื้อขายหลักทรัพย์ของมนุษย์เงินเดือน

ช่วงนี้ผมได้ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือนนั่งในออฟฟิตอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว การลงทุนในหุ้นเลยเริ่มถอยออกมาอย่างห่างๆ กิจวัตรระหว่างวันก็เหลือแค่ ตรวจสอบหลักทรัพย์หุ้นผ่าน www.set.or.th หรือเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเท่านั้นเอง ไม่ได้ใช้บริการบริษัทหลักทรัพย์เท่าไร เพราะกลัวเรื่องนโยบายบริษัทและความปลอดภัยในการ Logon ผ่านที่ทำงาน และที่สำคัญสุดคือการไม่อยากเสพติดหุ้นด้วย ถึงแม้เมื่อก่อนผมไม่ได้บ้าซื้อขายก็จริง แต่ก็นั่งดูเกือบทั้งวัน จนหลังๆ ต้องหนีออกจากบ้านไปช่วงเวลาบ่าย 2 ถึง 4โมงเย็น ไปเดินดูงานศิลปะที่มหาวิทยาศิลปกร ก็ทำให้ใจสบาย ไม่รู้สึกว้าวุ่นดี อันนี้เป็นการลดคลายความเสพติดหุ้นในชีวิตผมอย่างหนึ่งครับ และอาจเป็นข้อดีของการชมงานศิลปะด้วย กิจวัตรการซื้อขายที่ทำงานเลยไม่ได้นั่งเฝ้ามาก( แต่เมื่อก่อนก็ไมได้ใส่ใจมากเท่าไร)เหมือนแต่ก่อนแล้ว การซื้อขายก็จะเป็น แบบ ทิ้งคำสั่งซื้อไว้ตอนเช้าแล้วกด Auto แล้วก็ไปลุ้นเอาว่าได้ราคาเท่าไร ซึ่งวิธีแบบนี้อาจต้องทำการบ้านเยอะกว่าปรกติครับ ในการเฟ้นหาหุ้นสักตัว เช่นว่า หุ้นตัวนั้นพื้นฐานการเงินเป็นอย่างไร ปันผลเท่าไร แนวโน้มจะเป็นอย่างไร นั้นละคร