บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก 2014

บันทึกการลงทุน 26/11/2557 พอร์ตที่ติดลบครั้งแรกในรอบ 5 ปี กับข่าวดีที่หลอกลวง

รูปภาพ
ช่วงนี้ผมไม่ค่อยได้เขียนบทความอะไรใหม่ๆ เนื่องจากมั่วแต่ up grade skill เชิงศิลปะมากกว่า และที่สำคัญสำหรับการลงทุนของผมคือ ตอนนี้พอร์ตผมขาดทุนครั้งแรก ในรอบ 5 ปี เลยทีเดียว เนื่องจากหลายๆ สาเหตุ เช่น  -วัฏจักรหุ้นที่ผมถือนั้นอยู่ ขาลง เช่น ผลผลิตทางการเกษตร -บริษัทที่คาดว่าจะโต แต่ดันไม่โตแถมยังร่วงด้วย -บริษัทที่คาดว่าจะคงที่ แต่ดันลงทุนเพิ่ม แล้วรายจ่ายมีค่าเสื่อมที่สูง -การขาดทุนที่น่าตกใจ -บริษัทกำไรสูงขึ้น แต่ Mr.Market ไม่สนใจ ทำราคาร่วง สาเหตุุที่ผมกล่าวไว้นั้นมุ่งเป้าไปที่ตัวบริษัทและสภาวะตลาด จริงอยู่ ที่เศรษฐกิจไม่ดี เช่นคนใช้จ่ายกันน้อยลง หนี้ภาคครัวเรือนสูงขึ้นทำให้ บริษัทพวกบริโภคนั้น รายได้ กำไร ลดลง แม้สุดท้าย อาจจะเคยมีคนกล่าวไว้ การลงทุนไม่สนใจ เศรษฐกิจมหภาคสักเท่าไร แต่ครั้งนี้ผมเห็นผลกระทบจริงๆ แม้จะมีคนเปรียบเปรยไว้ว่า ถ้าจะลงทุน ให้เลือกเรือลำที่แข็งแกร่งที่สุด และ มั่นใจว่าดินฟ้าอากาศ (เศรษฐกิจมหภาค) จะไม่ทำอันตรายได้  แต่คราวหน้า ผมจะดูดินฟ้าอากาศบ้างก่อนจะลงเรือ ส่วนอีกเรื่อง คือข่าวดี แม้ปกติผมจะไม่สนใจข่าวเท่าไร แต่ส่วนใหญ่จะสำรวจ

อิสรภาพทางการเงินแบบคำของไทยๆ

ผมใฝ่ฝันถึงอิสรภาพทางการเงินมาตลอดตั้งแต่สมัยเรียนเศรษฐศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพตั้งแต่ตอนผมอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูก เรียกว่า เป็นครั้งแรกที่รู้จักคำศัพท์ว่า “อิสรภาพทางการเงิน” Financial freedom ความจริง คำว่า “อิสรภาพทางการเงิน” Financial freedom นั้น อาจจะอยู่กับคนไทยมาแน่ แต่ไม่มีใครนำเสนอหลักการการไปสู่จุดนั้น จนมีตำราทางตะวันตกที่โด่งดังอย่าง Rich dad Poor dad มานำเสนอคำ “อิสรภาพทางการเงิน” Financial freedom คำนี้จึงติดหัวคนไทย ไม่ว่าใครจะทำธุรกิจโดยตรง ทำขายตรง หาเครือข่าย รวมถึงลงทุนด้านต่างๆ ก็ใช่คำนี้เป็นแรงบรรดาลใจ เป้าหมาย รวมถึงคำล่อลวง ให้เข้ามา การมีชีวิตโดยไม่ต้องกังวลหรือเงินทองนั้น ผมว่าเป็นเป้าหมายในจิตใต้สำนึกของมนุษย์ทุกชาติ ในระบบเศรษฐกิจรูปแบบทุนนิยม ซึ่งคนส่วนใหญ่ใช้แรงงานทางร่างกายรวมถึงแรงงานทางสมอง แลกค่าจ้างมา โดยวิชาเศรษฐศาสตร์เรามองว่า คนทั่วไปเป็น ปัจจัยการผลิตชนิดหนึ่ง ซึ่งคนวัยทำงานอย่างเราๆ คงเข้าใจประโยคนี้นะครับ ดังนั้นผมจึงมองเห็นคำว่า อิสรภาพทางการเงิน มาแต่นานละก่อนที่จะมี Rich dad Poor dad เสียอีก แทบจะอยู่ในสังคมคนไทยเลยทีเดียว เช่น

บันทึกการใช้จ่ายเงินเพื่อปลดหนี้ให้แม่-16/10/2014 (4): สรุปข้อคิดที่ได้รับในช่วงปรับตัว

หลังจากเข้าปฎิบัติการณ์ล้างหนี้ให้แม่มาเกือบครบเดือนแล้ว สถานการณ์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น แต่นี้ผมหนี ดอกเบี้ย 20% พยายามจะกู้เงินจากการจำนองบ้านซึ่งดอกต่ำกว่าชัดเจน เกือบ 10% ซึ่งผ่านมาหลังจากเซ็นเอกสารไป สัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อวันอังคาร 14/10/2557 คนประเมินสินทรัพย์เพิ่งมาประเมินบ้าน ซึ่งผมภาวนาว่า ขั้นตอนควรเสร็จก่อน การจ่ายเงินรอบถัดไป เพื่อไม่ต้องหาเงินหลักแสนไปจ่ายเงินบัตรเครดิตในรอบเดือนนี้ ส่วนเรื่องดีของผมคือการลดเงินใช้จ่ายเหลือวันละ 200 บาท ทำให้สิ่งที่ผมปราถนามาเรียกว่าเป็นความฝันช่วง 23-24 สำเร็จไปอีกขั้นคือ เงินปันผลผมปีหน้าจะสามารถใช้เป็นเงินในชีวิตประจำวันได้ โดยผมไม่ต้องง้อเงินจากงานประจำ หรือเรียกง่ายๆ คือ ผมได้อิสรภาพทางการเงินแน่นอนในปีหน้า ทำให้ต้องวางแผนใหม่ เริ่มหลังมิถุนายนปี 58 ส่วนตัวผมก็ได้เปลี่ยนวิธีการใช้เงินมาเป็นระดับช่วงที่ไม่มีงานเมื่อ 6ปีก่อน เรื่องหนึ่งที่ ผมสัมผัสได้ถึงคำว่าเงินเฟ้อ เมื่อก่อนตอนเรียนเศรษฐศาสตร์ผมเรียนแต่การคำนวณ หรือ เงินเฟ้อ แต่พอตอนนี้กลับมาดูคือรู้สึก อาหารตามสั่งไป 35 40 ละ เสื้อยืด กางเกง ต่ำกว่าหลัก100 บาทหายาก รวมไปถึง

บันทึกการลงทุน 05/10/2557 เข้าสู่ไตรมาสสุดท้ายของปี 2557

รูปภาพ
ช่วงนี้ตลาดหุ้นผันผวน เดี่ยวขึ้นๆ ลงๆ นะครับ และผมดูสัปดาห์นี้ว่ามันออกแนว ลงไปทดสอบจุดต่ำสุดใหม่ รับไตรมาสสุดท้ายนะครับ ปีนี้ผมเรียกว่า เจ็บตัว (สองปีติด) ถ้าตัดปันผลทิ้งไป แต่รวมๆ ก็ยังกำไรอยู่ สำหรับปีที่ต้องเรียกว่า เปลี่ยนแปลงชีวิตการเงินของผม ส่วนกิจกรรมที่ผมต้องการรอบสุดท้ายของปี คือ รออ่านงบ ไตรมาส3 ช่วงเวลานี้ ถึง 15 พฤศจิกายน ในปีที่เศรษฐกิจเรียกว่า ไม่ดีเลย ผมสนใจว่า ไตรมาส3 หลังการจัดการนี้

บันทึกการลงทุน 05/10/2557 ว่าด้วยหนังสือการลงทุน

รูปภาพ
เดือนนี้จะมีงานสัปดาห์หนังสืออีกครั้ง ซึ่งหนังสือประเภทหนึ่งที่ขายดีก็คงหนีไม่พ้น หนังสือลงทุนในหุ้นครับ ภาพนี้ถ่ายไว้ตั้งแต่ปี 53 ซึ่งตอนนั้น ผมคิดจะเขียนเกี่ยวกับหนังสือการลงทุนที่อ่านมาครบรอบ10 ปี ว่ามีหนังสือเท่าไร แต่พอคิดไปมา ก็ไม่ได้เขียน แต่ผ่านมา 4 ปี เจอรูปนี้ใน โทรศัพท์เครื่องเก่า เลยนำมาประกอบบทความ ใน 2-3 ปี หนังสือดีๆ เกี่ยวกับตลาดหลักทรัพย์ และ การลงทุน ไม่ค่อยออกมาเท่าไร สำหรับคนที่อ่านมาเยอะๆ แบบผม แต่อาจจะเรียกว่าหนังสือลงทุน จำนวนมากออกมา แต่คุณภาพ หรือ เนื้อหาอาจจะไม่ได้ดีหรือแปลกใหม่สักเท่าไร มีที่ผมนำมารวมได้กับกองนี้ไม่ถึง 15 เล่ม สำหรับ 4 ปีที่ผ่านมา  ถ้าคิดง่ายๆ งานสัปดาห์หนังสือ 4 ปี มี 8 ครั้ง สรุป ผมได้มาแค่ครั้งละ 2 เล่ม ซึ่งถือว่าน้อยมาก อาจจะเป็นเพราะยุคตลาดหลักทรัพย์ได้ความนิยม งานสัปดาห์หนังสือมีหลายสำนักพิมพ์พิมพ์ออกมา แม้จะมีสำนักพิมพ์เฉพาะทางบ้างให้ผมเสียตังเป็นพิธี แต่การเลือกหนังสือต้องตั้งใจเลือกระดับนึง เรียกว่าเป็นจุดความโชคร้ายของคนที่เริ่มต้นในยุคนี้ เพราะมีหนังสือ เยอะสุดๆ ดีไม่ดี เนื้อหาซ้ำๆ กัน เป็นอันตรายต่อผู้อ่า

บันทึกการใช้จ่ายเงินเพื่อปลดหนี้ให้แม่-29/09/2014 (3) แค่ 80 บาท ก็ซื้อไม่ได้ กับชีวิตเหมือนเริ่มใหม่อีกครั้ง

วันนี้เป็นวันแรกที่ผมเริ่มกลับไปทำงานในชีวิตประจำวัน โดยใช้เงินตามที่ได้วางแผน คือไม่เกินวันละ 200 ให้ได้ และถ้าเป็นไปได้ผมจะลดลงให้เหลือ วันละ 100 ให้ได้ เพื่อนำมาจ่ายหนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อก่อนคือ -ข้าวเช้า 60 บาท -กินข้าวมื้อ 45 บาท -ซื้อผลไม้ รวมๆ 40 บาท -ออกไปซื้อโกโก้ Amazon กิน 50 บาท -เข้า 7-11 กินขนม คือ 50บาท ขึ้น -รอบเย็นไปซื้อ ไก่ทอด กิน ประมาณ 20-35 บาท - 7-11 อีก 50 บาท -รถกลับบ้าน 25 บาท วันแรก ข้าว 35 บาท ผลไม้ 20 บาท ค่ารถกลับบ้าน 25 บาท แต่สิ่งที่ค่าหายไปจากความรู้สึก ผมจะชอบอ่านหนังสือมากๆ วันนี้มีหนังสือกล้อง เล่มละ 80 บาท ผมได้แต่มองตาละห้อย แล้วคิดว่า เก็บไว้ก่อน ค่อยซื้อ วันหลัง สรุปทั้งที่เมื่อก่อนผม ซื้อของพวกนี้ได้สบายๆ แต่ตอนนี้ ไม่สามารถซื้อได้เลยแม้แต่น้อย พอเสร็จแล้ว ผมก็มานั่งคำนวณว่า เดือนนี้เหลือ อะไรเท่าไร สรุป คือ ยังพอมีเงินปันหลักครึ่งหมื่นเหลืออยู่ ก็เลยถามคุณแม่ว่าจะไปจ่ายพวกนี้เมื่อไร เท่าไร และคุยเรื่องกู้เงินมา ปิดบัตร ผลที่ได้คือ แม่ก็ไม่มีเงิน ต้องไปวนบัตร หรือ กู้มาจ่ายอีก ทำให้ผม ปรี้ดแตกทันที ว่าทำไมไม่บอกเรื่องพวกน

บันทึกการใช้จ่ายเงินเพื่อปลดหนี้ให้แม่-27/09/2014 (2) ถ้าไม่สามารถวัดค่าได้ ก็ไม่สามารถจัดการได้

รูปภาพ
หลังจากที่ผมจะลงมาจัดการ เรื่องหนี้สินของแม่ เรื่องบัตรเครดิตแล้ว ก็พบว่า จำนวนมันต่างกับที่คาดไว้เยอะมาก รวมทั้งจำนวนบัตรด้วย ตอนแรกผมคิดว่า มีสัก 4แสน พอมาไล่ดูแล้วรวมๆ รอบแรก มี 7 แสน และมีที่แม่จำไม่ได้ ไม่บอก อีกก้อนหนึ่ง สรุป รวมไปมา มี 1 ล้านนิดๆ เฉพาะ บัตรนะครับ ไม่รวมจำนองบ้าน และ อื่นๆ นะครับ พูดถึงบัตรเครดิต ที่ผมพบหลังจากทำมาสัก2-3 วัน ก็คือ จุดดี ของบัตรเครดิต คือ ง่าย เร็ว ทันที ทันใด มีส่วนลด จุดด้อย ของบัตรเครดิต คือ ดอกเบี้ยแพง ค่าอื่นๆ แพง พอรวมกับไปกดเงินสดออกมา ยิ่งค่าใช้จ่ายอื่นๆ แพง ที่มากกว่าเรารูดจ่ายสินค้าไป ยิ่งจ่ายแต่ขั้นต่ำ ทำให้ดอกยิ่งโต พอมาดูการจ่าย แล้ว ขั้นต่ำ กับ ค่าใช้จ่าย กับ เงินต้น แทบจะครึ่งๆ เลย ด้วยขั้นต่ำที่ต้องจ่ายๆ ดูๆ แล้ว ก็เกินเงินเดือนผม 1เท่ากว่าเลย เป้าหมายผม คือ ต้องการปลด บัตร บ้าน ตามลำดับครับ ชีวิตมนุษย์มันตลก 5ปีที่แล้วผมคิดว่าจะทำไงให้ได้ 1 ล้านบาท ทำให้เกิด Blog นี้ขึ้นมา แต่วันนี้ผมคิดว่าจะทำไงให้ปลดหนี้ได้ 1 ล้านบาท คิดว่า Blog นี้เงียบไปนาน เพราะ ตลาดหุ้นไม่เงียบเหงา คนซื้อ หุ้นแพง จนไม่น่าจะอยากได้สักเท่าไร

บันทึกการใช้จ่ายเงินเพื่อปลดหนี้ให้แม่-26/09/2014 (1): ปฐมบทการปลดหนี้ แผนกลยุทธ์ต้องง่าย สื่อสารเข้าใจกับผู้ทำ

ช่วง2-3ปีที่ผ่านมา ผมได้สนุกสนานกับการใช้เงินเดือนมากจนลืมด้านคุณแม่ไป จนวันดีคืนดี แม่ผมก็เดินมาบอกว่าจะให้ผมไปกู้ 1 ล้าน เพื่อปลดหนี้บัตรเครดิต ผมนั่งฟังถึงกับอึ้ง แม่ผมมีหนี้บัตรเครดิตเกือบล้าน แม้จะรุ้ว่า ชีวิตแม่ชอบความใช้จ่าย แต่ไม่คิดว่าจะมีหนี้มหาศาส ขนาดนี้ เลยถามๆ ว่าสรุปแม่มีหนี้เท่าไร สรุปประมาณ 5ล้านเกือบ6ล้าน แม้ แม่จะบอกว่า จะจ่ายเอง แต่กู้ชื่อผม ผมก็ไม่เห็ฯด้วย เพราะแม่ต้องหามาจ่ายอยู่ดี ยิ่งคนที่ระเบียบวินัยทางการเงินไม่แข้งแรง แบบแม่ผมด้วย ยิ่งน่าห่วงครับ โดยแบ่งเป็นหนี้ปลูกตึก 5 ล้าน นี้บัตรเครดิต อีกประมาณ 7-8 แสน ผมถึงกับเงิบจริงๆ แม้ก่อนหน้าผมไม่ต้องการยุ่งกับหนี้สินแม่ เพราะเยอะ และแม่ก็ไม่อยากให้ผมไปยุ่งเกี่ยว ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาผมสนุกกับการถลุงเงินมากไปหน่อย ค่ากล้อง ค่าโมเดล ค่าเที่ยว จนลืมกระทั่ง เงินจะใส่พอร์ตหุ้น แต่พอมาวันนี้แม่พูดเรื่องกู้ เงินมาปลดหนี้ ผมไมเห็นด้วย อาจจะหาที่ๆ ดอกเบี้ยต่ำกว่า มาโปะ แต่ก็เพิ่มระยะเวลาขึ้นอีก สิ่งที่ผมขัดมากที่สุดอย่างหนึ่งคือ เวลาถามเรื่องเงิน แม่จะไม่ยอมบอกความจริงเท่าไร เลี่ยงๆ แต่ปัญหาของผมคือ ยิ่งไม่รู้

บันทึกการลงทุน 31/07/2557 สิ่งที่เงินซื้อไม่ได้คือ เวลาและชีวิต

หลายๆ ครั้งในชีวิตการลงทุนของผม ตั้งแต่สมัยยังเป็นนักศึกษาจนถึงปัจจุบัน ข่าวที่ผมรู้สึกแย่สุดในการลงทุน ไม่ใช่ข่าวผู้บริหารโกง บริษัทกำไรลดลง การล่มสลายของธุรกิจ แต่เป็นคนที่ต้องสังเวยชีวิตด้วยเพราะพิษเศรษฐกิจหรือคิดสั้นด้วยการลงทุนผิดพลาด ข่าวเหล่านี้จะส่งผลกระทบกับคนรอบนอกให้มองตลาดหุ้น หรือ การลงทุนแบบอื่นๆ ไม่ว่า จะอสังหา หรือการเก็งกำไรที่ดิน ทั้งที่การลงทุนนั้นมีความเสี่ยงอยู่ทุกอย่างแต่หลายๆ ท่านก็ยังไม่รู้เห็นการกระตุ้นจากสื่อต่างๆ หนังสือสมัยนี้ อะไรก็ง่ายไปหมด ในการลงทุน ทำให้คนสามารถเข้าถึงความเสี่ยงได้ง่าย แต่ที่น่ากลัวกว่า คือไม่มีความเข้าใจว่าความเสี่ยงคืออะไร ซึ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งที่มาคู่กับตลาดผันผวน รวมถึงตลาดขาลง คนหมดตัว คิดสั้น สำหรับผม เงิน ทอง ไม่ตายก็พอหาใหม่ได้ อาจจะไมไ่ด้มาง่ายแบบตอนเราเสียไป แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เรารู้ว่า เงินทองหายาก และ มันสำคัญขนาดไหน ชีวิตของผมเคยเสียเงินก้อนที่คิดว่ามันเคยเป็นก้อนที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตมาแล้ว และ ณ เวลานั้นผมไม่เคยคิดเลยว่าผมจะสามารถเก็บมันกลับมาได้อีกครั้ง แต่ครั้งหลังผมใช้เวลา หลายปีอยู่ แต่มันก็ทำให้ผมรู้ถึงคุ

เรื่่องของคุณแม่ผม

หลังจากชีวิตผมได้เป็นมนุษย์เงินเดือนมาแล้ว จะ เข้าปีที่5 จากเงิน 16000 กลายเป็น 60000 แม้ว่าจะดูเงินเดือนสูงมากสำหรับคนทำงานมาประสบการณ์ 4 ปี  เมื่อตอนปี เมื่อ 5-6ปี 2552 ที่แล้วผมยังไม่เคยฝันถึงจุดนี้เลย สำหรับคนไม่ขับรถ ไม่มีแฟน ไม่ผ่อนบ้าน ติดของเล่น(เป็นค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่หยุดไม่ได้) เรียกว่าสวรรค์เหมือนกันนะครับ ผมมีเงินมาลงทุนหุ้นจากงานประจำ แล้วก็ปั้นพอร์ตให้คายปันผลมา และก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ปันผล ก็นำเงินปันผลกลับไปลงทุนต่อ  แต่ชีวิตมนุษย์เงินเดือน มีคนเคยกล่าวไว้ว่า ไม่มีนายจ้างที่ไหนจ้างคุณคุ้มค่าจ้างหรอก เค้าใช้คุณเกินค่าจ้างตลอด เงินเดือนผมสูงขึ้นความรับผิดชอบก็สูงตาม ณ วันนี้ที่ผมทำงานนี้ ผมทำงานมาแล้ว  14 วันติด แถมงานไม่มีลดลงหรือแนวโน้มจะบางเบาขึ้นด้วย ด้วยงานหนักที่เจอ ทำให้ผมแบกรับความเครียดกลับมาที่บ้านกลายเป็น แม่ผมดันโดนหางเลขไป ในการอาละวาดผมด้วย แม่ผมก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร ได้แต่ไปทำงานอาหาร หาข้าวน้ำ ไปส่งผมทำงานอย่างปกติ  สำหรับผม ความจริงหลายๆครั้งที่ยังทำงานอยู่ เพราะอยากให้แม่สบายใจ เวลาอยากจะหนีทีไร คุณแม่จะปรากฏในสามัญสำนึกของผม อีกทั้งผ

บันทึกการลงทุน 18/06/2557 2ใน3ไตรมาส 2/2557

ผ่านไป จะสิ้นไตรมาส 2/2557 ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ราคาหุ้นตกลงเยอะมาก แต่ ณ จุดนี้ผมคิดว่า ค่อนข้างแปลกใจที่ตลาดยังอยู่แถวๆ 1400 ได้ ทั้้งที่ผ่านการยึดอำนาจใน สัปดาห์ที่ผ่าน สำหรับผมคิดว่าตลาดโดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อย ที่ค่อนข้างเชื่อมั่น สำหรับผมทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจนี้ตัวเจ๋งๆ ของประเทศจริง คงทำให้นักลงทุนในประเทศซื้อลุย แต่สำหรับต่างชาติ เดินหน้ากันถล่มประเทศไทย รวมถึงนักลงทุนต่างประเทศที่ว่าขายเยอะมากจนเป็นช่วงสูงสุดของปีนี้ไปแล้ว และยังมีแนวโน้มลุยขายกันต่อไป ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติของประเทศที่ยังไม่มีประชาธิปไตย กองทุนบางกองทุนนั้นมีข้อกำหนดต้องขายทิ้งในสถานการณ์แบบนี้ แต่กระนั้น เราก็ยังมาถึง 1450 จนได้ สิ่งนั้น คือ เรื่องของตลาดที่มีนักลงทุนหลายประเภท ที่มีข้อกำจัดต่างกันไป ไม่ว่าเวลา เงื่อนไข สถานที่ บางอย่างก็ไม่มีอะไรมาอธิบายได้ง่ายๆเหมือนกัน สำหรับผมยังรอวันหุ้นถูกๆ อยู่ แม้จะหมดตังไปหลายรอบแล้วก็ตามครับ

ต้นทุนตัวเงินที่แท้จริงของมนุษย์เงินเดือน ตอน2 ถ้าเราคือต้นทุนในการสร้างผลแทน เรามีมูลค่าเท่าไรละ

http://gkenginvest.blogspot.com/2014/05/blog-post_1.html   จากบทความที่แล้ว ผมได้แสดงถึงต้นทุนของมนุษย์ที่สำคัญ คือรายได้ ถ้าไม่มีรายได้ ใครจะทำงานให้เป็นมนุษย์เงินเดือนที่ไม่มีเงินเดือน ซึ่งถ้าอยากได้อิสระภาพทางการเงิน หรือ เงินที่ทำให้ชีวิตเรา สบายขึ้น เราต้องเข้าใจว่า สิ่งที่เราได้มา มีมูลค่าเท่าไร ดังนั้น เรามาดูเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างการลดต้นทุน เงินเดือน ด้วย การลงทุน การลงทุนไม่ว่าเราจะได้เงินฝากที่ได้ดอกเบี้ย การซื้อสลากออมสิน หรือหุ้น พันธบัตร ที่ได้เงินปันผลมา ผมขอเรียกว่า ผลตอบแทน ส่วนเงินสินทรัพย์ที่ซื้อเรียกว่า เงินต้น ถ้าเปรียบเทียบคือ เราทำงาน ตัวเราเป็นเงินต้น เงินเดือนเป็นผลตอบแทน ชีวิตเราเป็นเงินต้นได้เท่าไร สมมุติว่า ผมทำงานได้เดือนละ 20000 บาท ปีหนึ่งผมทำงานได้ 240000 บาท 240,000 =  เงินต้น * ผลตอบแทน% นี้ละครับ ค่าชีวิตเรา ณ วันที่ได้เงินเดือนเท่านี้ เปรียบเทียบผลตอบแทนง่ายสุด คือ ดอกเบี้ย สมมุติว่า ปีละ 2.5% 240,000 = เงินต้น * 2.5% กลับสมการ  240,000 * (100/2.5) = เงินต้น สรุป เงินต้น =  9,600,000 บาท นั้นคือเงินที่เราต้องมีเพื่อไ

ต้นทุนตัวเงินที่แท้จริงของมนุษย์เงินเดือน ตอนที่ 1 :ต้นทุนของมนุษย์เงินเดือน

ครั้งหนึ่งเมื่อมีคนถามองค์ดาไลลามะว่า อะไรเป็นเรื่องที่ท่านรู้สึกแปลกใจมากที่สุด เกี่ยวกับมนุษยชาติ ท่านตอบว่า “มนุษย์เรานึ้ ยอมสูญเสียสุขภาพเพื่อทำให้ได้เงินมา แล้วต้องยอมสูญเสียเงินตรา เพื่อฟื้นฟูรักษาสุขภาพ แล้วก็เฝ้าเป็นกังวลกับอนาคต จนไม่มีความรื่นรมย์กับปัจจุบัน ผลที่เกิดขึ้นจริงๆ ก็คือ เขาไม่ได้อยู่กับปัจจุบัน หรือแม้กระทั่งอยู่กับอนาคต เขาดำเนินชีวิตเสมือนหนึ่งว่าเขาจะไม่มีวันตาย และแล้วเขาก็ตายอย่างไม่เคยมีชีวิตอยู่จริง“ จาก: http://www.thaiquip.com/806#ixzz30Vi2zIgG บทความนี้ผมเปิดด้วยคำพูดของท่าน ดาไลลามะ ที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและการทำงาน ช่วงนี้ตัวผมเองทำงานหนักเสาร์ อาทิตย์ก็ต้องทำ ทำงานกลับบ้าน ออกจากบ้าน 7 โมง ถึงบ้าน 3ทุ่มครึ่ง เกือบทุกวันติดๆ มาสักพักใหญ่ๆ ตัวงานก็เครียด กดดัน คำพูดของท่านถือเป็น ต้นทุนชีวิตที่ชัดเจน มันเลยทำให้ผมคิดถึงประโยคนี้ ว่าเรายอมเสียสุขภาพ เวลา เพื่อแลกมากับค่าจ้าง แล้วทำไมเราถึงต้องทำงานเพื่อแลกกับเงิน เงิน ค่าจ้าง เงินเดือน ยุคสมัยนี้ เงินเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนที่ง่ายที่สุด มีมูลค่าชัดเจน ไม่มีใครแลกวัวเป็นตัว กับ ข้าวสารแน่

บันทึกการลงทุน 19/04/2557 1400 จุดกลับมาแล้ว

รูปภาพ
สัปดาห์นี้หลังหยุดยาวสงกรานต์ ตลาดหลักทรัพย์เปิดวันแรกก็ดัชนีก็ทำการทะลุ 1400 ไปทันที บางคนก็ยังไม่กลับมาจากการพักผ่อน บ้างก็ลืมไปว่าตลาดเปิดวันที่ 16 หลังจากที่เราตกมาจาก 1400 ช่วงเดือน 11/2556 ก็นับเป็น 5 เดือน หรือเกือบๆ ครึ่งปีนะครับ ที่เราจาก 1400 จุดมา ผมไม่ได้ดู P/E ของตลาดมาสักพัก เผลอแปปๆ กลับมาเกือบ 16 อีกครั้ง ความรู้สึกผม ก็เหมือนเดิมกับนายตลาดนะครับ จะลง ก็ลง จะขึ้นก็ดันขึ้น สำหรับผมหาเหตุ หาผล ไม่่ค่อยได้เท่าไรนะครับ เพิ่งเขียนแต่สิ่งไม่ดีไปบทความที่แล้ว เขียนเสร็จ 1400 โชว์ซะงั้นเลย -*- ผมหวังว่า กำไร ในปี 2557 ของบริษัทหลักทรัพย์ควรจะ ลดลงไม่มาก และไปโตต่อปีหน้านะครับ แค่ความหวัง นะครับ โชคดีนะครับ

บันทึกการลงทุน 13/04/2557 จบไตรมาส 1/2557 กับเครื่องจักรเดินเศรษฐกิจที่เคยดับไป

ช่วงนี้ผมไม่ได้มีโอกาสเขียนอะไรไว้เป็นบันทึกสักเท่าไรนะครับ ด้วยไม่มีไอเดียวอะไรในการเขียน และงานออฟฟิตก็ยุ่งมาก สงกรานต์ปีนี้ผมก็ไม่ได้หยุดอีกเหมือนปีที่แล้ว แต่ดีว่ายังว่า พอร์ตหุ้นได้กลับมาหายใจในระดับปกติของพอร์ตผมทั่วๆ ไป ไม่ได้สูงเกินไป ต่ำกว่ามาตรฐานมากไป เรียกว่าหล่นมาตรฐานมาไม่เยอะละกันนะครับ ช่วงปีนี้เป็นปีที่เรียกว่าเริ่มต้นมาก็เล่นกันใจหายทีเดียว แต่มองโลกในแง่ดีคือ ปีนี้ อาจได้ทำจุดต่ำสุดไปแล้ว เราไม่มีรัฐบาลบริหารประเทศมาเป็นเวลาอย่างน้อย 1 ไตรมาสแล้ว ซึ่งหมายถึงเครื่องมือขับเคลื่อนเศรษฐกิจหลักหายไปตัวหนึ่ง ต้องมาพึ่ง ส่งออก-นำเข้า การบริโภค และการลงทุน ซึ่งดูแล้ว เครื่องมือที่ผมเห็นว่าพอเป็นไปได้คือ การส่งออก เนื่องจากวิธีการดูเศรษฐกิจระดับมหภาคส่วนใหญ่เราสนใจว่าโตเท่าไรมากกว่า ไม่ค่อยสนใจมูลค่าจริงๆของ GDP เท่าไร ส่วนใหญ่เราจะเจอแต่คำว่า โตกี่ % ไม่ได้สนใจ ตัวเลขเท่าไร มาจากไหน ซึ่งผมเห็นว่าหลายปีๆ มานี้ ตั้งแต่ โปรโมทชั่นการซื้อบ้านช่วงปี ฟรีค่าโอน ถึง รถคันแรก บ้านหลังแรก รวมๆ 4ปี เป็นช่วงสวรรค์ของนักบริโภคอย่างเราๆ รวมถึงบริษัทสร้างบ้าน ผลิตรถด้วย ซึ่งพว

การบริหารบริษัทสินค้าอุปโภคบริโภค

รูปภาพ
ช่วงนี้ผมไม่ค่อยมีการเขียนอะไรดีๆ มีสาระเท่าไร ส่วนใหญ่ก็เรื่องบ่นๆ นะครับ เลยไม่ได้มาอัพเดทเท่าไร แต่วันนี้นั่งดูรายการโปรดของผม และเห็นว่าดีมากๆ นะครับ รายการ Money talk เทปนี้ เป็นการสนทนาของสินค้าอุปโภคบริโภคที่ชัดเจนมาก ผมชอบที่ผู้บริหาร บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) มากที่พูดว่า ถ้าสุกี้ส่งตามสายได้ ผมคงปิดบริษัทไปแล้ว นี้คือจุดแข็งของสินค้าประเภทนี้ ที่ยังไม่มีอะไรมาทดแทนได้โดยสมบูรณ์ครับ สินค้าอุปโภค บริโภค เป็นสินค้าที่มีตัวตน ค่อนข้างยากที่จะมีดิจิตอลมาทนแทน ไม่ว่าจะเป็น เลนส์ โรงแรม อาหาร สินค้าประเภทนี้ ผมว่าอีก 10-20 ปี ก็ค่อนข้างยากที่จะหาอะไรมาพลิก ตัวสินค้าอาจจะดูน่าเบื่อ แต่เห็นแนวทางการสร้างสินค้าชัดเจน ดังนั้น แบรนด์สินค้า คุณภาพสินค้า การบริการที่มีคุณภาพ เป็นสิ่งที่บอกได้ถึงการเป็นเจ้าตลาด สิ่งที่ผมสนใจคือ วิธีการโตแต่ละบริษัทค่อนข้างแตกต่างกัน เช่น ขยายสาขา หาพันธมิตร เข้าควบรวมกิจการ ส่งเสริม Brand หาลูกค้าใหม่ๆ หลีกอำนาจต่อรอง การบริหารลูกค้าที่ต่างกันมาก ลองฟังดูนะครับ ได้แนวทางการเป็นบริษัทที่ดีมากครับผม และลองเอา แน

บันทึกการลงทุน 27/02/2557 ตลาดผันผวน เราเป็นอย่างไร

รูปภาพ
เดือนกุมภาพันธ์ นั้้น สำหรับผมเป็นอะไรที่ตลาดผันผวนมาก มีการกระชากตัวของดัชนีอย่างเร้าใจหลายรอบมาก จนกระทั้ง ผมต้องตื่นเต้นไปกับตลาดด้วย เพราะมันเร้าใจมาก ด้วยเหตุที่ Val ของตลาดน้อย การกระชากจึงเกิดได้บ่อยและไม่ยากนัก ไม่เชื่อดูจากรูที่ผมนำมาให้ดูสิครับ กราฟดัชนีตลาดแทนจะ เป็น 90 องศากันเลย เดือนนี้มีงบออกมากมาย สำหรับผมปี 56 นี้ เป็นปีที่ตัวธุรกิจสนามรบหลัก หรือ ตัวบริษัท ไม่ตื่นเต้นมาก มีทรงๆ กับ ถดถอยเล็กน้อยครับ ดังนั้น ตอนนี้ต้องเรียกว่า ตลาดปรับฐานจริงๆ รวมถึงบริษัทด้วย ใครถือหุ้นดีไว้ ผมก็ดีใจด้วยครับ ส่วนใครเจอหุ้นที่ผลประกอบการ ตกลงอย่างน่าใจหาย ก็ขอให้ทำใจให้สงบ แล้วตั้งคำถามว่า เหตุผลที่เราซื้อ คือ อะไร และถ้าจะขาย เพราะอะไร และถ้าจะถือต่อเพราะอะไรครับ ขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ

บันทึกการลงทุน 6/2/2557 เตรียมตัว อ่านงบปี 2556

ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ เป็นช่วงที่ผมต้องใจจดจ่อที่ การออกงบของปีที่ผ่าน แม้จะได้รับรู้ไปแล้ว 75% คือ 3 ไตรมาส ซึ่งเราก็คาดเดาได้ว่าปีนี้ จะเป็นอย่างไร ที่ผ่านๆ ความคาดการณ์จะไม่ค่อยผิด เว้นแต่มีอะไรเหนือ ความคาดหมายมากๆ ถึงทำให้เราผิด พูดถึงอะไรแปลกๆ ที่ผมไม่อยากเจอ - ไตรมาส 4 ไม่มีกำไรเลย - ไตรมาส 4 ทำให้ขาดทุน - ไตรมาส 4 หนี้พุ่ง -ไตรมาส 4 เงินสดหายเยอะ แต่สำหรับปีนี้ 2556 เป็นปีที่เศรษฐกิจเหมือนพักฐาน หลังจากที่พุ่งมานาน ซึ่งก็เป็นตามวัฎจักรทั่วไป แต่บ้านเราอาจจะดูดุเดิอดไปนิดหน่อย มาถึงเศรษฐกิจแย่ๆ ก็มีเรื่องการเมืองมาทับกันพอดี ดังนั้นปีนี้ อะไร ที่ยังรักษาการโตได้ ผมถือว่าเก่ง ส่วนอะไรที่เท่าเดิมผมถือว่าเยี่ยม ส่วนอะไรที่ถดถอย ผมถือว่าถอยเพื่อรุกต่อ ปีนี้บริษัทที่เราลงทุนจะเป็นอย่างไร ก็อีกไม่กี่วัน ก็จะได้รู้แล้วนะครับ

Siamchart เว็บหุ้นดี ที่ควรรู้จักไว้

เว็บที่ผมใช้ในการดูข้อมูลหุ้นระหว่างวัน บ่อยที่สุดนะครับ คือ   http://siamchart.com ซึ่งใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นในการหาหุ้นด้วย จุดเด่นของเว็บนี้คือ เป็น Web app ไม่ต้องมาลงโปรแกรมเข้า password อันใดให้วุ่นวาย . สามารถเรียกดูกราฟราคาและดัชนีหุ้นอย่างได้ง่ายดาย แม้จะดูย้อนหลังไปได้ไม่ไกลมากนัก แต่ผมว่าก็พอเพียงให้ผมตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรดี อีกส่วนทีผมชอบมากคือ ข้อมูลส่วน Stock list ที่สรุปภาพรวมและอัตราส่วนการเงิน ของหุ้น  ซึ่งปกติเวลาผมไม่มีไอเดียจะซื้อหุ้นเมื่อไร ที่นี้เป็นอีกที่ ที่ผมเริ่มหาไอเดียสำหรับการหาหุ้นครับ เมื่อได้หุ้นที่น่าสนใจแล้วค่อยนำไป แกะงบอีกที และไปดูข้อมูลทำธุรกิจจริงอีกครั้ง

บันทึกการลงทุน 2/1/2557 พิจารณาความผิดพลาดในปีที่ผ่านมา

บทความก่อนหน้า ผมรวมๆ สิ่งที่พอจำได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นในปี 2556 ถ้าปีต่อๆ ใครมาถามว่าปีนี้มีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ผมจะจำได้ว่า - ต้นปีผมทำกำไร New High พอร์ตรวม ไป 70% (ยอมรับอย่างว่าไม่เคยทำทั้งพอร์ตได้) - ปลายปีผมทำกำไร New low พอร์ตรวม ในรอบแถวๆ 5 ปี เลย ส่วนบทความแรกของปีนี้ ผมต้องการสรุปข้อผิดพลาดของผมไว้รวมๆ เมื่อปีที่แล้ว พี่ผมที่่ลงทุนด้วย ปีที่แล้ว กำไรรวม 15% ส่วนผม ดูจริงๆ ถ้าเอาปันผลของจากผลตอบแทน ก็จะขาดทุนทันที ถือว่าปีที่แล้วไม่ประสบความสำเร็จเท่าไร การจะหามูลค่าหุ้นเราพอจะหาได้คร่าวๆ เช่น หุ้นตัวนี้ มีรายได้ 10 บาท  กำไร 1 บาท ปันผล 50 สตาง อันนี้คือการอ่านงบแบบปกติ ซึ่ง 3ปีหลังนี้มา ผมไม่ค่อยพลาด แถมทำวิเคราะห์ได้พิศดารระดับนึง 1) แต่การอ่านอนาคต ของธุรกิจ นั้นยังทำได้ไม่ดี ปีพลาดกับรายได้การขายการบริการ เมื่อก่อนผมจะระวังแค่ รายได้อื่นๆ เพราะมาจากการขายสินทรัพย์ หรืออะไรที่เราไม่รู้ แต่ปีนี้ ผมพลาดไป 3 ครั้ง ด้วยภาพยนต์ กับ เกม และ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิก ที่ไม่ได้ประสบความสำเร็จทุกปี 2) หุ้นที่คิดว่าถูกแล้ว แต่ยังถูกได้อีก อันนี้เป็นเรือ่งของการคาดเดาตลา