บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2011

รู้จักกับสินค้าโภคภัณฑ์เบื้องต้น

สินค้าโภคภัณฑ์เป็นสินค้าอีกชนิดหนึ่งที่มีราคาไม่คงที่เหมือนสินค้าอุตสาหกรรม เป็นสินค้าที่มีความอ่อนไหวตามสภาพเศรษฐกิจ ความต้องการของตลาด สภาพดินฟ้าอากาศ รวมถึงมีการเก็งกำไรจากตลาดได้ด้วย ผ่านตลาด Commodity ใหญ่ๆของโลก สินค้าโภคภัณฑ์ที่เราคุ้นเคย และมีผลกระทบต่อตลาดหลักทรัพย์ ภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งชีวิตประจำวัน ทั้งทางตรงทางอ้อม เช่น น้ำมัน ส่วนสินค้าที่มีผลต่อระบบเศรษฐกิจมหาภาค เช่น พวกทอง หรือโลหะมีค่าทั้งหลาย ซึ่งในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาเป็น ช่วงตลาดโลหะมีค่าได้รับความนิยมมาก ถึงกับต้องขยายเวลาทำการซื้อขายในปี 2011 เลย ส่วนสินค้าเกษตรเป็นสินค้าที่เราต้องเผชิญกันทุกวันๆ ไม่ว่าราคาข้าว น้ำตาล น้ำมันปาล์ม ยางพารา หรืออื่นๆ แต่สินค้าเกษตรบ้านเรานั้น หลายๆตัว ไม่ได้โดนกำหนดจากตลาดโลก เนื่องจากสินค้าเกษตรหลายๆ ตัวเราเป็นคนผลิตเอง รวมถึงบ้านตัวก็ยังไม่มีอยู่ในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ด้วย ซึ่งบางทีราคาของพวกนี้จะอาศัยดูจากตลาดไท เอาในตอนเช้าเป็นราคาอ้างอิง ส่วนใหญ่สินค้าโภคภัณฑ์เป็นสินค้าปฐมภูมิ ซึ่งจะหาได้จากธรรมชาติและแปรรูปไ้ด้บาง ส่วนมากจะเป็นต้นทุนทางอุตสหกรรม และส่งผลตอนกำไรข

ระบบ ระเบียบ วินัย

ผมจะลองเขียนอะไรที่สรุปจากกรอบความรู้คร่าวๆ จากที่ได้เห็นจากเพื่อนที่ลงทุนด้วยกัน ซึ่งแม้ทุกคนจะมีแนวทางการลงทุนที่แตกต่างกัน ซึ่งแต่ละคนมีนิสัยการลงทุน แนวคิดการเลือกลงทุนไม่เหมือนกัน ระบบเป็นสิ่งที่มีอยู่ในทุกจุดของโลก ไม่ว่าจะเป็นระบบการเมือง ระบบเศรษฐกิจ ระบบนิเวศวิทยา ระบบร่างกาย ระบบเครื่องเสียง ระบบรักษาความปลอดภัย ระบบประกันสุขภาพ ระบบ........ สารพัดอื่นๆมากมาย การลงทุนก็มีเป้นระบบ แม้อาจอยากลำบากซักหน่อย แต่มันก็มีระบบของการลงทุนจริงๆ ซึ่งถ้าดูง่าย มีภาพเล็ก ภาพใหญ่ เป็นมหภาค จุลภาค มหาภาคก็คงเป็นเรื่องของตลาด ตลาดทั้งโลก ระดับจุลภาค ก็นักลงทุนที่เป็นทั้งผู้ซื้อขาย ทำให้เกิดตลาดตามความหมายของทางเศรษฐศาสตร์ ซึ่งมาเป็นระบบลงทุนของแต่ละบุคคล ก็หลักๆ น่าจะเป็นวิธีการเลือกการลงทุน เลือกที่จะซื้อ เลือกที่จะขาย ทุกคนๆ มักมีความคิดที่ได้ศึกษามาจาก ผู้มีประสบการณ์ หนังสือ ไม่ว่ากลยุทธ์จะเป็นเทคนิค พืันฐาน ซึ่งแต่ละคนจะหลอมรวมความรู้ ประสบการณ์ที่ได้มา ไม่ว่าจะทั้งดี ทั้งร้าย การสร้างเป็น ระบบการลงทุนตามแต่ละคนที่ได้สร้างระบบนั้นๆมา ส่วนระเบียบ เป็นกฎเกณฑ์ ข้อบังคับ เป็นแนวทางการปฎิบั

บันทีกการลงทุน 08/07/2554

สัปดาห์ที่ผ่านมา ผมได้กำไรมากกว่า การลงทุนหุ้นทั้งครึ่งปีรวมกันซะอีก ถึงแม้สมองผมจะสั่งให้ไม่ชอบตลาดหุ้นขาขึ้น แต่ผมก็อดดีใจไม่ได้ (สัปดาห์เดียว กำไรมากกว่าเงินเดือนผม 2 เดือนอีก) สิ่งที่ผมทำเป็นงานอดิเรกมาตลอดคือ การค้นหาหุ้นจากบริษัทที่ดี การอ่านงบการเงิน การหาแนวโน้มของบริษัท ไม่ว่าในช่วงตลาดแบบไหนก็ตาม และพยายามมั่นใจว่าสิ่งที่เราศึกษาไว้มันต้องดี และพยายามหลอกตัวเองให้ซื้อ หุ้นที่เราคิดว่าดี อย่างน้อย คือเราก็ศึกษามาแล้ว ทำให้เรามั่นใจได้ว่ามันควรต้องดี โดยราคาเป็นความเสี่ยงที่ต้องผจญทุกวันเมื่อตลาดเปิด แต่ในระยะยาวถ้าบริษัทมีการเติบโต ราคาต้องสูงขึ้นแน่นอน และอีกบริษัทโตมากเท่าไร แต่ตลาดหุ้นมีปัญหา ทำให้ราคาลงมา นั้นทำให้ผมยิ่งชอบ เพราะได้หุ้นที่มีผลตอบแทนสูง ในราคาที่ต่ำกว่ามูลค่าความเป็นจริง และเมื่อ ตลาดกลับมาปกติเมื่อไร ราคาจะวิ่งไปที่มันควรจะอยู่ หรืออาจเกินไปกว่าความเป็นจริง สิ่งที่เป็นผมเจอ หุ้นที่ดี เวลาตลาดเป็นขาลง จะลงไม่ต่ำกว่าตลาด ผิดกับหุ้นที่พื้นฐานไม่ดี เวลาตลาดลง จะตกรุนแรง ส่วนตอนตลาดขึ้นจะแยกไม่ออกระหว่าง หุ้นดี หุ้นไม่ดี ถ้าเทียบการวิ่งของราคาอ

วันหลังเลือกตั้งปี 2554

รูปภาพ
วันนี้เป็นวันที่ตลาดหุ้นไทยทำการปิดตัวไปด้วยดัชนี 1090.28 ซึ่งอาจไม่ใช่จุดสูงสุดในรอบเป็น 10 ปี ก็ตาม แต่สิ่งที่อยากให้จำไว้คือ วันนี้ ตลาดปรับตัวสูงขึ้นถึง 48.8 จุด และมีช่วงเวลาทำการ ทำถึง 50 จุด ผมยอมรับว่า เพิ่งเคยเห็นการปรับตัวที่เยอะขนาดนี้ (แต่ถ้าเทียบเป้น % แล้ว 4.6%) อีกสิ่งที่อยากให้จำไว้ได้เมื่อเวลาผ่านไปคือ ต่างชาติซื้อถึง หมื่นล้าน มูลค่าการซื้อขาย มี 6หมื่นล้าน ซึ่งทุกอย่างเป็นข่าวดีเกือบหมด ไม่ว่า กรีซผ่านมาตรการรัดเข็มขัด และสภายุโรปจะให้กู้เพิ่ม ตัวเลข USA ก็ดีขึ้น นับว่าทุกอย่างเรียกว่าเป็นสิ่งที่ควรจดจำไว้ในประวัติศาสตร์การลงทุนเลย ส่วนข้อคิดเตือนสตินักลงทุน ใครที่ตกรถ ก็ขอให้จำไว้ว่า ไม่ใช่รถขบวนสุดท้าย สักวันเหตุการณ์เหล่านี้เกิดอีก ส่วนใครที่ได้กำไรมากๆ ก็ขอให้จำไว้ว่า ไม่ควรหลงระเริงกับผลงานที่ได้จากตลาด ส่วนใครที่จะตัดสินใจอะไรต่อไป ผมก้ขอใช้คำพูดของ วอร์เร็น บัตเฟต ว่า กล้าในช่วงที่คนกลัว และกลัวในช่วงคนอื่นกล้า ไว้เตือนสตินะครับ ซึ่งสำหรับผมตอนนี้พื้นฐานเศรษฐกิจ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มีแนวโน้มดีขึ้น (หลังจากเดือนที่แล