บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กรกฎาคม, 2009

เริ่มต้นกับหุ้น

คำถามที่ผมได้รับบ่อยครั้ง คำถามนั้นคือ "อยากเล่นหุ้นเริ่มอย่างไร" โดยส่วนใหญ่ผมมักจะถามคำถามแรกกลับไปว่า "มีเงินไหม" "มีเท่าไร เอาแบบเงินที่เราไม่ใช้นะ" สิ่งสำคํญครับ เพราะถ้าไม่มีเงินเราไม่สามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้ครับ บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์โดยส่วนใหญ่นั้น เราเป็นกับบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ โดยส่วนใหญ่เค้าจะขอดูเงินในบัญชีเราก่อนว่ามีการเข้าออกของเงินเราอย่างไร หรือดูสินทรัพย์อื่นๆประกอบ โดยบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์มีหลายแบบครับ แต่ผมคุ้นอยู่แบบเดียวคือ ซื้อขายด้วยเงินจริง แบบไม่ต้องวางเงินก่อน ซื้อหุ้นแล้วค่อยนำเงินไปเข้า ก็มี แต่สำหรับผู้บริหารความเสี่ยงสูงบ้างคน ก็ไม่ควรใช้ ความเสี่ยงสูงนะครับการหมุนเงินเนี่ย แต่เห็นหลังๆ เริ่มมีการวางเงินประกันบ้างแล้ว อย่างผมเนี่ย ใช้แบบซื้อขายด้วยเงินจริง มีเงินก็โอนเข้าบัญชี ไม่ต้องกังวลไรมาก อย่างไรส่วนนี้ก็ไปศึกษาเองแล้วกันนะ ตาม บริษัทหลักทรัพย์ หรือเรียกกันติดปากว่า "โบรเกอร์" การเลือกใช้บริการบริษัทหลักทรัพย์รายไหน ก็ลองหาข้อมูลดูก่อนก็ได้นะครับ เมื่อก่อนบ้านผมรับหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิ

ประเภทนักลงทุนในตลาดหุ้น

นักลงทุนในตลาดหุ้นคำนิยามของผมคือ บุคคลที่นำสินทรัพย์ส่วนใหญ่เป็นเงินไปซื้อหลักทรัพย์ประเภทต่างๆ เช่น หุ้น อนุพันธ์ และอื่นๆ ในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อรอการขาย โดยคาดหวังได้รับผลตอบแทนที่ดีขึ้น แบ่งตามการลงทุนทางเศรษฐศาสตร์ โดยส่วนใหญ่นั้น การซื้อขายหลักทรัพย์นั้น เป้นการซื้อขายในตลาดรอง (ตลาดที่เปิด 10.00 ปิด 17.00 ซื้อกันผ่านโบรเกอร์รายต่างๆ ) นั้นเป้นการลงทุนทางอ้อม ส่วนการลงทุนทางตรง คือการซื้อลงทุนตรงจากบริษัท ในการ หุ้น IPO นั้นเอง บางคนเรียกว่า ตลาดแรก ถ้าใครยังสงสัยอยู่ว่าเราอยู่ในตลาดไหนก็ดูกิจกรรมเราดังนี้ ถ้าเรา ลงทุน เก็งกำไร เล่น หรือ ทำกิจกรรมอื่นเกี่ยวกับตลาดหุ้น ใน เวลา 10 โมงเช้า ถึง 5โมงเย็นและราคามีการเปลียนแปลงไม่แน่นอน ซึ่งก็คือ เราทำในตลาดรองนั้นเอง แต่ถ้าพวก ต้องไปเข้าแถว หน้าธนาคารตั้งแต่เช้า เพื่อจองหุ้น หรือ พวกมีบริษัทมาบอก พี่ได้รับสิทฺธิ์จองซื้อหุ้น หรืออะไรก็ตาม ที่ซื้อแบบราคาคงที่ แบ่งตามนิสัยการซื้อขาย ก็มีไม่แบบครับ มีแค่คำว่า ยาว กับ สั้น นักลงทุนระยะสั้น อาจมีคำเรียกอื่นๆ เช่น Daytrader เป็นต้น เป็นพวกลงทุนในช่วงเวลาหนึ่งที่ได้กำหนดไว้ อาจจะเป็น เืดือน เป

Who is investor? Investor is who? ใครคือนักลงทุน นักลงทุนคือใคร

นักลงทุนสำหรับผมคือ บุคคลที่ใช้ทุนบริหารจัการสินทรัพย์ชนิดต่างๆ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่า ซึ่งการลงทุนนั้นมีหลายแบบ โดยทางเศรษฐศาสตร์นั้นมองการลงทุน 2 แบบ ดังนี้ การลงทุนโดยอ้อม การลงทุนรูปแบบนี้ผู้ลงทุนหวังผลตอบแทนแบบส่วนต่างของราคา เช่น ซื้อบ้าน ซื้อที่ ซื้อคอนโด ซื้อทอง ซื้องานศิลปะ ซื้อหุ้น ซื้อของโบราณ ซึ่งเน้นว่าการซื้อมาเก็บของไว้สะสมให้ผ่านเวลาไปอาจจะช้าหรือเร็วก็ตามแต่ สิ่งที่มีครอบครองไว้นั้นราคาในการขายครั้งต่อไปจะสูงขึ้น ซึ่งในทางเศรษฐศาสตร์มองว่า เป็นการลงทุนโดยอ้อมซึ่งไม่ก่อให้เกิดการจ้าง และมูลค่าทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น โดยส่วนใหญ่เราว่า เก็งกำไร ซึ่งถ้ามีการลงทุนแบบนี้มากเกินไปจะทำให้ ของมีราคาสูงเกินจริง มักเห็นได้ในช่วงก่อนที่่เศรษฐกิจจะล่มสลาย หรือ ภาวะ "เศรษฐกิจฟองสบู่" การลงทุนโดยตรง การลงทุนรูปแบบนี้ผู้ลงทุนสร้างองค์กร หรือ บุคคลขึ้นมาบริหารจัดการเพื่อให้ดำเนินธุรกิจไปด้วยได้ดีโดยผลตอบแทนคือ กำไรจากการบริหารธุรกิจ เช่น สร้างหอพักให้คนเช่า สร้างหมู่บ้านจัดสรร ผลิตอุปกรณ์ สร้างบริษัืทค้าขายต่างๆ ซื้อตุ๊กตาจากสำเพ็งไปขายตลาดนัด ทำขนมขาย ขับรถไปขา

บทความเริ่มต้น

Blog นี้ ผมตั้งใจจะนำความรู้เรื่องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ การบริหารเงินบุคคล การออม ที่ผมรวบรวม หาได้อ่าน มาไว้ใน Blog นี้ ซึ่งความจริงการลงทุนเป็นสิ่งที่ผมรักและชอบมากตั้งแต่ ตอนเรียนปริญญาตรี นับเป็นความรู้เรื่องแรกๆ ในชีวิตที่ผมได้หาหนังสือภาษาไทย ภาษาอังกฤษมาอ่าน ลงทุนเวลาไปฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ลงมือปฎิบัติจริง โดยนำเงินเก็บมาตั้งแต่สมัยม.ปลายมาลงทุน ในปี 2546 ซึ่งอาจเป้นเวลาที่โชคดีมากกับกำไรที่ได้ การลงทุนนับว่าเป็นเรื่องที่ผมหมกหมุ่นมากที่สุด แม้ผมจะยอมห่างหายจากตลาดหลักทรัพย์ไปหลายปี ก็ตาม แต่เงินที่ได้มาจากการลงทุนก็ได้ช่วยผมไว้หลายเรื่อง แม้ผมจะเคยได้มีเงินจำนวนมากอย่างที่ชีวิตไม่เคยคิดว่าจะมีได้ แต่ผมก็พบกับการสูญเสีย สอนผมว่าเงินทองไม่สามารถซื้อทุกสิ่งได้ มันก็ไม่สามารถซื้อชีวิตคนที่ผมรักที่สุดได้ ชีวิตกับเงินนั้นอาจแยกไม่ได้ในสังคมปัจจุบัน โดยผมได้บทเรียนจากการเงินไว้หลายข้อ เช่น การมีเงินดีกว่าการไม่มีเงิน การใช้เงินพออัตตภาพกับตนนั้นประเสริฐที่สุด เงินมากปวดหัว เงินไม่พอก็ปวดหัว ยืมเงินคนไม่คืน เสียเพื่อน ลูกหนี้หน้าด้าน ยืมแล้วชอบลืม เงินกับหญิง และความไม่รับผิดชอบ ท