ค่าเงินบาท กับ ดอกเบี้ย (Thai Bath Currency rate & Interest rate)
ช่วงนี้ประเทศไทยเราได้มีภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่ามาก ซึ่งค่าเงินถือเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง ในการค้าขายกับต่างชาติ
โดยปกติค่าเงินมักจะมีความสัมพันธ์กับทุนสำรองของประเทศ ประเทศใดมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ค่าเงินยอมได้รับความเชื่อถือด้วย ส่งผลให้ค่าเงินนั้นมีคนต้องการ และทำให้ค่าเงินนั้นแข็งไปด้วย
นอกจากซื้อสินค้า ก็ยังเป็นเรื่องอุตสหกรรม ท่องเทียว เมื่อเราไปเที่ยวที่ต่างประเทศ เราต้องใช้สกุลเงินของประเทศนั้นๆ
แต่เนื่องจากเงินก็เป็นสินค้าชนิดหนึ่ง ยิ่งเดียวนี้ มีพวก Forex การเก็งกำไรของค่าเงินก็แสดงให้เห็นชัดเจนขึ้น
ปัญหาของค่าเงินที่แข็ง คือ การขายของไปต่างประเทศเราจะแพงขึ้น โดยที่เราไม่ต้องทำไรเลย เช่นเดียวกับการท่องเที่ยว สินค้าทุกอย่างในบ้านเราจะแพงขึ้นอย่างไม่ต้องทำอะไรเลยเช่นกัน
ส่วนข้อดีคือ เราสามารถซื้อของจากต่างประเทศได้ถูกลง และไปเที่ยวต่างประเทศได้อย่างถูกลง เช่นเดียวกัน
คราวนี้เรื่องดอกเบี้ย โดยปกติดอกเบี้ยที่พูดถึงคือดอกเบี้ยของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ในการปรับขึ้นหรือลงนั้น จะส่งผลต่อธนาคารพาณิชย์ ให้มีต้นทุนที่ต่างกันไป ทำให้ต้องปรับตามไปในทิศทางนั้นด้วย
ซึ่งถ้าระดับในประเทศ ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ถ้าดอกเบี้ยปรับขึ้น คนจะออมมากขึ้น และกู้น้อยลง ในทางตรงข้าม ถ้าปรับลงคนจะกู้เยอะขึั้น และ ออมน้อยลง ปกติใช้ในการคุมปริมาณของเงินในระบบได้อย่างดี
แต่ ณ ปัจจุบัน เนื่องจากเราอยู่ในกระแสของโลก เมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของโลก ปริมาณเงินทั้วโลกการที่จะไหลเข้ามาในประเทศไทยต้องใช้สกุลเงินบาท เมื่ออัตราผลตอบแทนบางอย่างเราดูดี เช่น ตลาดหลักทรัพย์ สินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ พันธบัตร หรือความน่าลงทุนทางตรง เช่นการตั้งโรงงานเพื่อผลิต และทุกสิ่งที่อยู่ในประเทศไทยต้องใช้สกุลเงินบาท
ดังนั้นทำให้มีความต้องการเงินบาทสูงขึ้นเพื่อเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทางตรง ทางอ้อม ทำให้ค่าเงินบาทนั้นแข็งค่าขึ้น แนวคิดการลงดอกเบี้ยจึงเป็น่หนึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องค่าเงินแข็งอีกทางหนึ่ง เพื่อไม่ให้สินทรัพย์ทางการเงินของไทยดูน่าสนใจสนเกินไปนัก
ปัญหาคือ การแก้ไขปัญหาเชิงนโยบายนั้นมักจะก่อเกิดผลอย่างอื่นตามมาเป็นผลกระทบข้างเคียงด้วย เช่น ถ้าลดดอกเบี้ย จะส่งผลต่อ การบริโภคทำให้สูงขึ้น การก่อหนี้จะดึงดูดมากขึ้นด้วย ทำให้ประชาชนทำงานเพื่อหนี้มากขึั้น ซึ่งอาจเป็นผลร้ายกับระบบเศรษฐกิจพอๆ กับค่าเงินบาทแข็ง
แต่ละคนต่างมีมุมมองที่ต่างกัน เครื่องมือการนโยบายการเงินตัวหลัก ก็คือ ดอกเบี้ยนี้ละครับ แต่ถ้าใช้ ผลกระทบจะมีวงกว้างเหมือน กับ โดนแทงที่ท้อง แต่ต้องทายาทั่วตัว อย่างไรสุดท้าย จะแก้ไขหรือไม่แก้ไข ระบบเศรษฐกิจจะโดนมือที่มองไม่เห็น ผลักดันให้ปรับตัวอยู่แล้วละครับ ส่วนนโยบายอะไรที่จะโดนส่งออกมา ก็ขอให้เป็นนโยบายที่ดีๆ และแก้ไขให้ตรงจุดเถอะครับ
ส่วนนักลงทุนอย่างเราๆ ก็ต้องทราบว่า สินค้าเราที่ส่งขายไปต่างประเทศนั้น จะแพงขึ้นอาจทำให้ยอดขายต่ำลง น่าจะเป็นผลต่อผลประกอบการบ้าง ก็สามารถนำไปใช้เป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องตัดสินใจด้วยนะครับ
โชคดีในการลงทุนครับ
โดยปกติค่าเงินมักจะมีความสัมพันธ์กับทุนสำรองของประเทศ ประเทศใดมีความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ ค่าเงินยอมได้รับความเชื่อถือด้วย ส่งผลให้ค่าเงินนั้นมีคนต้องการ และทำให้ค่าเงินนั้นแข็งไปด้วย
นอกจากซื้อสินค้า ก็ยังเป็นเรื่องอุตสหกรรม ท่องเทียว เมื่อเราไปเที่ยวที่ต่างประเทศ เราต้องใช้สกุลเงินของประเทศนั้นๆ
แต่เนื่องจากเงินก็เป็นสินค้าชนิดหนึ่ง ยิ่งเดียวนี้ มีพวก Forex การเก็งกำไรของค่าเงินก็แสดงให้เห็นชัดเจนขึ้น
ปัญหาของค่าเงินที่แข็ง คือ การขายของไปต่างประเทศเราจะแพงขึ้น โดยที่เราไม่ต้องทำไรเลย เช่นเดียวกับการท่องเที่ยว สินค้าทุกอย่างในบ้านเราจะแพงขึ้นอย่างไม่ต้องทำอะไรเลยเช่นกัน
ส่วนข้อดีคือ เราสามารถซื้อของจากต่างประเทศได้ถูกลง และไปเที่ยวต่างประเทศได้อย่างถูกลง เช่นเดียวกัน
คราวนี้เรื่องดอกเบี้ย โดยปกติดอกเบี้ยที่พูดถึงคือดอกเบี้ยของธนาคารกลางแห่งประเทศไทย ในการปรับขึ้นหรือลงนั้น จะส่งผลต่อธนาคารพาณิชย์ ให้มีต้นทุนที่ต่างกันไป ทำให้ต้องปรับตามไปในทิศทางนั้นด้วย
ซึ่งถ้าระดับในประเทศ ตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว ถ้าดอกเบี้ยปรับขึ้น คนจะออมมากขึ้น และกู้น้อยลง ในทางตรงข้าม ถ้าปรับลงคนจะกู้เยอะขึั้น และ ออมน้อยลง ปกติใช้ในการคุมปริมาณของเงินในระบบได้อย่างดี
แต่ ณ ปัจจุบัน เนื่องจากเราอยู่ในกระแสของโลก เมื่อเราเป็นส่วนหนึ่งของโลก ปริมาณเงินทั้วโลกการที่จะไหลเข้ามาในประเทศไทยต้องใช้สกุลเงินบาท เมื่ออัตราผลตอบแทนบางอย่างเราดูดี เช่น ตลาดหลักทรัพย์ สินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ พันธบัตร หรือความน่าลงทุนทางตรง เช่นการตั้งโรงงานเพื่อผลิต และทุกสิ่งที่อยู่ในประเทศไทยต้องใช้สกุลเงินบาท
ดังนั้นทำให้มีความต้องการเงินบาทสูงขึ้นเพื่อเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนทางตรง ทางอ้อม ทำให้ค่าเงินบาทนั้นแข็งค่าขึ้น แนวคิดการลงดอกเบี้ยจึงเป็น่หนึ่งวิธีการแก้ไขปัญหาเรื่องค่าเงินแข็งอีกทางหนึ่ง เพื่อไม่ให้สินทรัพย์ทางการเงินของไทยดูน่าสนใจสนเกินไปนัก
ปัญหาคือ การแก้ไขปัญหาเชิงนโยบายนั้นมักจะก่อเกิดผลอย่างอื่นตามมาเป็นผลกระทบข้างเคียงด้วย เช่น ถ้าลดดอกเบี้ย จะส่งผลต่อ การบริโภคทำให้สูงขึ้น การก่อหนี้จะดึงดูดมากขึ้นด้วย ทำให้ประชาชนทำงานเพื่อหนี้มากขึั้น ซึ่งอาจเป็นผลร้ายกับระบบเศรษฐกิจพอๆ กับค่าเงินบาทแข็ง
แต่ละคนต่างมีมุมมองที่ต่างกัน เครื่องมือการนโยบายการเงินตัวหลัก ก็คือ ดอกเบี้ยนี้ละครับ แต่ถ้าใช้ ผลกระทบจะมีวงกว้างเหมือน กับ โดนแทงที่ท้อง แต่ต้องทายาทั่วตัว อย่างไรสุดท้าย จะแก้ไขหรือไม่แก้ไข ระบบเศรษฐกิจจะโดนมือที่มองไม่เห็น ผลักดันให้ปรับตัวอยู่แล้วละครับ ส่วนนโยบายอะไรที่จะโดนส่งออกมา ก็ขอให้เป็นนโยบายที่ดีๆ และแก้ไขให้ตรงจุดเถอะครับ
ส่วนนักลงทุนอย่างเราๆ ก็ต้องทราบว่า สินค้าเราที่ส่งขายไปต่างประเทศนั้น จะแพงขึ้นอาจทำให้ยอดขายต่ำลง น่าจะเป็นผลต่อผลประกอบการบ้าง ก็สามารถนำไปใช้เป็นหนึ่งในประเด็นที่ต้องตัดสินใจด้วยนะครับ
โชคดีในการลงทุนครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น