วิธีกาวิเคราะห์บริษัทมหาชนของผม Ver 2558 ตอนที่ 1 จุดอ่อนในอดีตช่วงปี 2009 ถึง 2015

ยุคที่ Facebook ครองโลก Internet เป็นส่วนหนึ่งทำให้ผม update บทความ หรือ บ่นความลดลง แต่ผสมด้วยกับที่ปีนี่ผมลงเรียนกับ อาจารย์สรรพงษ์แทบเดือนละ 2 ครั้ง ทำให้ผมรู้สึกว่ายังไม่ค่อยพร้อมจะเคยเขียนบทความ เพราะอาจจะยังอยู่ในช่วงผสม ย่อย ความรู้ที่ได้รับมาใหม่ๆ ก่อน

ซึ่งผมผ่านมา 10 เดือน ผมก็เริ่มจะทำพอเข้าใจสิ่งที่เป็นความรู้ต่อยอดมาแล้ว และผมก็เริ่มทำการเตรียมวิเคราะห์ข้อมูลใหม่นอกจากการแกะงบอย่างเดียว

เมื่อก่อน แหล่งข้อมูลและเครื่องมือ

  1. 56-1 เพื่อเข้าใจบริษัทกว้างๆ วิธีใช้อ่านให้หมด (เครื่องมือเชิงคุณภาพ) 
  2. งบการเงิน โดยทำการวิเคราะห์ถอยหลังไปหลายปี เพื่อให้เห็น Trend และเลือกใช้เฉพาะตัวบัญชีที่แน่นอน (เครื่องมือเชิงปริมาณ)
ซึ่งข้อเสียสมัยก่อนปี 2558 หรือก่อนเรียนกับอาจารย์สรรพงษ์ หลักๆ  
  1. ไม่ยืดหยุ่น ผมค่อนข้างยึดติดฟอร์มบัญชีของผมเองมากเกินไป จนไม่ได้มองภาพใหญ่ เช่น บางครั้ง บัญชีตัวใหญ่ๆ ที่สำคัญ นอกเหนือจาก เงินสด ทุนหมุนเวียน บางบริษัทมี บัญชีบางอย่างที่สำคัญกับทางบริษัท ผมจะไม่ได้วิเคราะห์ เรียกว่าไม่แตกฉ่าน ไม่ชำนาญ ด้านบัญชี อาจารย์สรรพงษ์ เคยบอกว่า "เวลาเราอ่านงบ ต้องแน่นนิยามและเนื้อหา" เมื่อก่อนผมแน่นแค่ภาพกว้าง เลยมีปัญหาต่อบัญชีที่บันทึกแปลกๆ ซึ่งธุรกิจบางอย่าง ไม่ได้มีแค่ เงินสด ทุนหมุนเวียน เท่านั้น อาจมีอะไรแปลกๆ ซ่อนอยู่อีก                                                                                                                                               
  2. Valuationไม่เป็น เมื่อก่อนรู้ว่า บริษัทมี การเติบโตเร็ว หรือ มีความเสถียร แต่ไม่รู้ว่า ราคา หรือ Value เหมาะสมรึไหม ก่อนหน้าทำ Valuation ไม่แตกฉ่าน หรือ ไม่เหมาะสม เลยทำให้ไม่เชื่อการ Valuation เท่าไร แต่พอเรียนแล้ว ก็เชื่อว่า มันมีหลักการคำนวน ซึ่งมาคำนวนได้ และไว้อ้างอิงได้ ซึ่งตรงกับคำของ วอเรนต์ บัตเฟต ที่กล่าวไว้ว่า "จงซื้อบริษัทที่ดี ในราคาที่เหมาะสม"     
  3. ตัวเปรียบเทียบFinancial ratioไม่เหมาะสม พวกนี้คือการใช้ Financial ratio เมื่อก่อนผมรู้ว่ารู้หุ้นนี้ดี ไม่ดี ด้วยตัววัดไม่กี่ตัวและบางครั้ง ผมเลือกใช้ Financial ratio บางตัวผิดกับประเภทธุรกิจ และบางทีผมพยายามหาหุ้นที่สมบูรณ์แบบมากเกินไป เหมือนมนุษย์ปกติละครับ ต้องมีข้อเสียบ้าง บางครั้งข้อเสียนั้น มาจากธรรมชาติของธุรกิจเอง แต่ผมก็เหมารวมว่าหุ้นนั้นไม่ดี ซึ่งเป็นคำที่ว่า "รู้ว่าเราซื้อเพราะอะไร และขายเพราะอะไร"                                                                                                                                                           
  4. ความเสี่ยงด้านการดำเนินงาน  งบบอกได้เยอะกว่าที่ผมเคยคิด แต่เราต้องหาสัญญาณให้เจอ ความเสี่ยงด้านดี และ ไม่ดี อาจมองหาได้เยอะในงบ ถ้าเราเข้าใจมัน ไม่ว่า ความเสี่ยงด้าน ต่นทุนที่จะเพิ่ม การลงทุนที่จะทำให้รายได้ที่จะเพิ่ม ตามที่ผู้บริหาร ให้ข่าวรึไม่ บางครั้ง เราอาจต้องรอพิสูจน์คำพูดหรือข่าว ด้วย งบการเงินไตรมาสถัดมา                                                                                    
  5. บ้าปันผลมากเกินไป ดูอย่างแรกคือ Div yield กี่% และย้อนหลังไปหลายๆ ปี บางครั้งจนลืมไปว่า มันไม่ได้โต การดำเนินงานมีปัญหา เหมือนจ่ายปันผล รอวันขาดทุน พวกเดินเรือ อาหารทะเล สารเคมี คล้ายๆ ข้อ 4                                                                                                                                                 
  6. มองในมิติงบการเงินอย่างเดียวหรือวิเคราะห์เชิงปริมาณเป็นหลักละเลยการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ ข้อนี้ถือว่า ตบหน้าเด็กเศรษฐศาสตร์อย่างผมเต็มที่ เพราะผมเป็นคนที่ทิ้งความรู้สายเศรษฐศาสตร์เพราะไม่เข้าใจถ่องแท้ในการแยกประเภทใช้งาน มุ่งหน้าเชื่อถือบัญชีเกินไป ทำให้พลาดข้อมูลเชิงคุณภาพไป หลายๆครั้งอย่างน่าเสียดาย ขนาด balanced scorecards ยังมีหลายมิติ ดังนั้นเราคงให้ความสำคัญที่งบ 100% คงไม่ได้เช่นกันครับ เพราะงบการเงินไม่ได้บอก สภาพตลาด อำนาจต่อรอง โดยตรง ทำให้เราลืมไปว่า สภาพที่เราเห็นอยู่มันจะถาวรรึไม่
นี้ก็คือการสรุปจุดอ่อนที่ผมมีในช่วงการวิเคราะห์งบก่อนหน้า ถึงปัจจุบัน จะปิดจุดอ่อนไปได้เยอะ แต่ก็ยังไม่ใช่เทพขนาดซื้อหุ้นไร้พ่ายนะครับ ตรงข้าม คือ ซื้อเมื่อไร ร่วงเมื่อนั้นมากกว่านะครับ ซึ่งก็ไปเป็นปัญหาว่า ก่อนหน้า ความรู้เท่าหางอึ่ง ดันกำไรเป็น 4-5 เด้ง ความรู้เต็มหัวเป้น ขาดทุนเละเทะ แต่ผมมก็ยังเชื่อสิ่งที่ผมทำคือ "ซื้อหุ้นที่ดี ไม่ล้ม แข็งแกร่ง น่าจะโตมากกว่า GDP และจ่ายปันผล"

ซึ่งตอนต่อไป ผมจะพูดถึงเครื่องมือและวิธีการที่ใช้ในปัจจุบันนะครบั

ขอให้โขคดีในการลงทุนนะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เครื่องหมาย NP ของตลาดหลักทรัพย์

StarfishX: สำหรับการดึง SET data

PPE vs Rev, Gross margin, New Margin