PPE vs Rev, Gross margin, New Margin

กลับมาจากการทิ้งร้าง Blog ไปปีกว่า
ปีที่แล้ว ไปหลงกราฟไปพักใหญ่ จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรไม่ดี แถมใช้เวลาสั้นกว่าในการแสดงผลด้วย แต่วินัย กับความถี่ในการเฝ้าระวัง อาจจะไม่เหมาะกับตัวผมเท่าไร

วันนี้ จะนำเสนอ ตัวเลขในงบบัญชี 2 ตัว คือ
PPE อาคาร อุปกรณ์ ที่ดิน
Rev รายได้จากการขาย
GM คือ กำไรขึ้นต้น
NM คือ กำไรสุทธิ

นำตัวอย่างจากบริษัทแห่งหนึ่ง ที่มีการผลิต เป็นธุรกิจหลัก ดังนั้น PPE จะเป็นส่วนที่ใหญ่สุด ในงบแสดงฐานะทางการเงินของบริษัทแห่งนี้ มาตลอด




ปัญหาเกิดขึ้นที่ อยู่ราคาหุ้นร่วงเอา สัก 2 ปี ก่อน ทั้งที่เป็นหุ้นที่จ่ายปันผลต่อเนื่อง เป็นขาขึ้นมายาวนาน เป็นธุรกิจง่ายๆ อ่านงบง่ายๆ

นับจากปี 2009 ถือว่า ขึ้นเยอะมา ถึง 2017 มีเกือบ 10 เท่า  คราวนี้สังเกตุเห็นได้ว่า หลังปี 2017 ราคาร่วงอย่างรุนแรง

ผมเลยสนใจว่าเพราะอะไร

พอขยับมาดูว่ามีกิจกรรมอะไรเกิดขึ้นบ้าง อันแรก คือ PPE เร็วมาก เมื่อก่อน ค่อนข้างนิ่ง และขยับเกือบเท่าตัวในเวลา 2 ปี

กราฟย้อนนะครับ ดูจาก ขวาไปซ้าย ตามงบ เยอะเกินเลยไม่ได้สลับตำแหน่งให้

เห็นได้ว่า 57 - 58 แทบไม่ขยับ หรือไม่ได้มีการลงทุนสร้างอะไรเพิ่ม พอหลังปี 59 มาถึง 62 แทบเป็นเท่าตัว การลงทุนถือว่า สูงมาก

แต่รายได้นั้น ไม่ได้ขยับตามอัตราที่ใกล้เคียงกับ การโตของ PPE ยิ่ง GM กับ NM เรียกว่า แทบไม่เปลี่ยนเลย
แต่พอเข้าปี 62 แล้ว ถือว่า มีการทำHigh ใหม่ของรายได้ GM แต่ NM ยังไม่ไปไหน เรียกว่าไม่มี Growth ด้าน งบกำไรขาดทุนเท่าไร แต่ข้อดีคือ การสามารถรักษาอัตราส่วนทางการเงินไว้ได้ ในด้านทำกำไรไว้เสถียรได้ แม้จะลดลงก็ตาม



พอภาพเป็นแบบนี้แล้ว คนที่เขียนให้ค่า PE 20 ต้นๆ ก็เลยถล่มขายกันลงมา ปัจจุบัน ประมาณ 13 กว่าๆ ถือว่า ถูกในช่วงนี้ และแพงในช่วงก่อนเป็น 2009

แต่พอการปันผลถือว่าค่อนข้างเสถียรทีเดียว เลยทำให้สนใจ แต่ถ้าระยรยาวมาๆ ต้องอยู่รายได้ยังจะไปโต หรือ อัตรกำไรจะพรุ่งขึ้นบ้างหรือไม่

รูปสุดท้าย ปรับให้ซ้ายไปขวาแบบปรกิต เทียบกับ กราฟ จะเห็นชัดว่า ราคาไม่เพิ่ม แต่สินทรัพย์ ทาง ต้นทางก็ลำบากเหมือนกัน

เฉพาะ การลงทุนใหญ่ๆ อาจจะไม่ใช่ผลดีในระยะสั้นแน่ๆ แต่ระยะยาวถ้าบริหารดีแล้วมีอนาคต มี Growth คือส่วนใหญ่คงกลับมาอีกครั้งนึ่ง เพราะเรื่องปันผลเป็นของลับให้อีกอย่าง

สรุปสถานการณ์
PPE โต
รายได้ไม่โตตาม
กำไรก็ไม่มา
ทางบริษัทอาจจะไม่รู้สึกอะไร
ผู้ถือหุ้นนิ ปาดเหงี่อ กันเลยทีเดียว

สุดท้าย อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนจากการย้าย วัวเป็นหมา ไม่ก็วัวเป็นดาว หรืออาจเป็น ? ก็ได้  หรือถ้ามองแบบปีเตอร์ ลินซ์ อาจจะเป็นการ เข้าสู่หุ้นเติบโตช้า ถาวร หรือ กำลังจะกลายเป็นหุ้นเติบโตอีกครั้ง

แต่ระยะ 2 ปี ฟักไข่อีก 2-3 ปี จริงๆ มันก็นานเกินไปสำหรับคนจะเล่นหุ้น ส่วนคนจะลงทุนนิ ก็เหมือนเอาเงินไปวางไว้สักทีแล้วลุ้นเอาว่าจะโตไหมอีกที

ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เครื่องหมาย NP ของตลาดหลักทรัพย์

StarfishX: สำหรับการดึง SET data