บันทีกการลงทุน 25/02/2555 ตอน วันที่ตลาดหุ้นขึ้น แต่ผมกับคิดถึงวันที่ตลาดลง

เกือบสองเดือน ที่ตลาดหุ้นปรับตัวขึ้นตลอด ซึ่งผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมตอนช่วงเดือน ตุลาคม ปีที่แล้วมาได้อย่างปลอดภัย

แต่หุ้นบางตัวก็โดนผลกระทบเต็มๆ ทำให้หุ้นในพอร์ตผมหลายๆ ตัว กำไรไม่ต่างกับไตรมาส 3 แต่ก็ยังดีที่ยังไม่เสียหายหนักถึงขั้นต้องลงทุนใหม่เป้นจำนวนมาก

เพราะจะทำให้ต้องเสียเงินลงทุน มาเพื่อปรับซ่อม เพื่อให้ทำงานได้อีกครั้งนั้น เป็นเรื่องทีเลวร้ายมากกว่า ที่จะเอาเงินไปใช้จ่ายรูปแบบอื่นๆ

แต่สิ่งที่ทำให้ นักลงทุนลืมฝันร้ายน้ำท่วม ลืมวิกฤตหนี้ยุโรป คือ การไหลเข้ามาของเงินทุนต่างชาติ จึงวันนี้ มีมาอยู่ตลาดหุ้นไทยไม่ต่ำกว่า หมื่นล้านแน่นอน

ทำให้หุ้นหลายๆ ตัว กลับมาคึก ยิ่งน้ำท่วมแล้ว ไม่ทำให้บริษัทมีผลประกอบการแย่ลง ยิ่งทำให้หุ้นพุ่งไปใหญ่

ในขณะเดียวกัน หุ้นที่ผลประกอบการไม่ดีก็ส่งผลให้ ราคาลงมาด้วย แต่ผมอยากให้พิจารณาด้วย ว่า เมื่อเกิดภัยพิบัติ แล้วพื้นฐานเปลี่ยนอย่างไร เช่น ขายไม่ได้ ผลิตไม่ได้ ต้นทุนโสหุ้ย ก็ยังเดินอยู่ เงินเดือนก้ต้องจ่าย

มันส่งผลอย่างไรต่อพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ มันสะท้อนไรให้เห็นใน ผลประกอบการบ้าง นี้คือสิ่งแรกที่ผมพิจารณา

สิ่งต่อมา ผลนั้นก่อให้เกิดผลกระทบอย่างไรต่อตลาดหุ้น ราคาหุ้นตกไปเยอะไหม แล้วให้ใช้ ข้อแรกมาพิจารณาว่า ควรเข้าซื้อไหม หรือ ควรปล่อยตามไป

แต่ที่แน่ๆ รอบนี้ได้เห็นนักลงทุน ตกใจซื้้อ ตกใจขาย หลายตัวเหมือนกัน

ทำให้ผมคิดว่า ตอนนี้ เป็นตลาดกระทิงค่อนข้างแน่นอน ซึ่งเริ่มมีเพื่อนร่วมงานผม สนใจมาคุยเรื่องเปิดพอร์ตมากขึ้น เริ่มเหมือนทฤษฎีงานเลี้ยงของ ปีเตอร์ ลิน ที่เคยกว่าไว้ละ

ส่วนผม ก็มีเฉลี่ยซื้อบ้าง แต่ 2 เดือนนี้ ซื้อ ขายรวมกัน ไม่ถึง 10 ครั้ง อาจตกรถ หรือพลาดอย่างไรก็ตาม

ซึ่งต่างกับตอนเดือน พฤศจิกายน ธันวาคม มาก (แต่ก็ขายหมูไปเป็นฝูงเหมือนกัน)

ความจริง สำหรับผมไตรมาส 4 ปี2554 เป็นสิ่งที่ดี ทั้งด้านพื้นฐาน ที่ได้พิสูจน์บริษัทนั้นๆ ว่าแข็งแกร่งแค่ไหน และพิสูจน์ใจเรา ว่าเมือเผชิญกับสิ่งที่เป้นวิกฤตแล้วเราจะตัดสินใจอย่างไร แต่สุดท้าย มันก็ให้เราได้รับประสบการณ์ในการอยู่ตลาดหุ้นต่อไป

แต่ผมกลับเริ่มคิดถึงวันที่ตลาดหมี จะกลับเข้ามาแทน กระทิงตัวนี้ ว่าจะเป็นเมื่อไร เพราะเหตุการณ์อะไรเท่านั้น

ขอให้โชคดีในการลงทุนนะครับ