การลงทุนทางตรง การลงทุนทางอ้อม

สมัยก่อนตอนผมยังเป็นนักศึกษาวิชาเศรษฐศาสตร์ การลงทุน เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยในการคิด GDP ด้านการใช้จ่ายเลย

ซึ่งการลงทุนในมุมมองของ เศรษฐศาสตร์มหภาค เป็นกิจกรรมอย่างหนึ่งด้านเศรษฐกิจ โดยปกติเราสามารถลงทุนได้ ไม่เพียงแต่เงินเท่านั้น ยังมีการลงทุน แบบ เป็นแรงงาน สมอง ความคิด เวลา แต่สุดท้ายก็ให้ความสำคัญที่เงิน เพราะมันสามารถวัดได้ทันที
ส่วนทางจุลภาค หรืออย่างเราๆ ท่านๆ นี้ การลงทุนส่วนใหญ่คือการก้าวไปเป็น เจ้าของกิจการ หรือเป็นผู้บริหารความเสียงต่างๆ นั้นเอง โดยการเป็นผู้ประกอบการคือ การใช้ปัจจัยการผลิต ให้คุ้มค่า คือ ที่ดิน แรงงาน ทุน ผู้ประกอบการ

โดยทั่วไปการลงทุนแบบนี้เรียกว่า การลงทุนทางตรง Direct investment เป็นสิ่่งที่จับต้องได้ ไม่ว่าจะเปิดร้านขายหมูปิ้ง ขายคอนโด ขายหมา หรือ บริการต่างๆ เช่น นวดฝ่าเท้า มอเตอร์ไซด์รับจ้าง อื่นๆ สารพัด พวกนี้การลงทุน ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง เวลา ความสามารถ และแรงงาน

ส่วนการลงทุนอีกรูปแบบหนึ่งคือ การลงทุนทางอ้อม Indirect investment เหมือนเป็นการฝากเค้าลงทุน หรือเป็นการเก็งกำไรอีกรูปแบบนึง เช่น การซื้อที่ อสังหา ซื้อทอง ซื้อหุ้น ค่าเงิน อนุพันธู์ พวกเครื่องมือทางการเงินทั้งหลาย
ซึ่งปกติพวกนี้มีมูลค่าในตัวมันอยู่แล้ว ในเวลานั้น ซึ่งการให้อุปสงค์ หรือ อุปทาน และอรรถประโยขน์ เป็นตัวกำหนด ราคา ซึ่งมีความเสี่ยงจากการปั่นราคา ด้วยเหตุผลที่ไม่เป็นเหตุผล หรือ การคาดการณ์จากอนาคต เช่น
ที่ตรงนี้จะมีถนนตัดผ่าน
บ้านหลังนี้รถไฟฟ้าจะมาสร้าง
หุ้นตัวนี้ กำลังจะโต
ทองกำลังจะเป็นที่ต้องการของโลก
น้ำมันกำลังจะแพง
.............
........
....
.
นี้น่าจะเป็นคำพูดที่คุ้นหูสำหรับผมที่นิยมการเก็งกำไรนะครับ อยากให้คิดว่า ถ้ามันเป็นจริง ราคาจะเป็นอย่างไร แต่ถ้ามันไม่จริง ราคามันควรอยู่เท่าไร เพราะการลงทุนทางอ้อมนั้น Indirect investment ลงทุนง่ายครับ ตอนจ่ายเงิน แต่สภาพคล่องละ สินค้าแต่ละอย่างนั้น มีสภาพคล่องต่างกันมาก อย่างบ้าน กับ หุ้น เชื่อเถอะครับ การจะขายให้ได้ ใช้เวลาต่างกันระดับนึงเลย
ที่สำคัญของการลงทุนทางอ้อมนั้น อยากให้คิดว่า มีสิ่งเหล่านั้นอยู่ แล้วไม่เป็นทุกข์ ผมเคยเจอคนติดหุุ้น เครียดมาก มีที่ มีบ้าน ที่ขายไม่ได้สักที ก็เห็นแล้ว เป็นทุกข์แทนเหมือนกัน

ส่วนด้านเศรษฐสาสตร์มหภาค การลงทุนทางอ้อม ถึือเป็นสิ่งที่ไม่น่าเป็นประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจที่แท้จริงเท่าไร เพราะเหมือนกับทรัพยากร ปัจจัยการผลิตไม่ได้ใช้เพื่อการกระจายเท่าไร ที่สำคัญ การโอนถ่ายว่องไว เร็วเกินปกติ ถ้าคุณลงทุนสร้างโรงงาน รับรองว่า ไม่ใช้ 3 วันแน่นอน ที่จะขายโรงงานทิ้ง ซึ่งตรงกันข้ามกับ การลงทุนทางอ้อม เช่นการซื้อหุ้น เก็งค่าเงิน เก็งสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งอยากขายย้ายเงินไปที่ไหนก็ทำไ้ดอย่างรวดเร็ว
ถ้าเห็นกันง่ายๆ คือ ตลาดหุ้นบ้านเรา พอต่างชาติซื้อที่ ก็ดีใจ ร่าเริง หุ้นขึ้นมีความสุขกัน แต่ฉับพลัน มีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึั้น ไม่ว่าจะในบ้านเรา หรือ มุมอื่นๆของโลกที่ ประเทศไทยไม่ได้รับผลกระทบ นักลงทุนต่างชาติ เค้าก็ตกใจ แห่เทขายขนเงินกลับบ้านกัน ปล่อยให้เราติดหุ้นไว้ ณ ราคาสูงเป็นต้น
ด้วยสมัยนี้ เงินมันเป็น ดิจิตอลหมด การโอนย้ายทำได้ง่ายมาก ส่งผลให้การนำเงินหนีสุ่ผลตอบแทนที่ดีกว่าทำได้ง่าย เพราะฉนั้น การที่จะลงทุนทางอ้อม เราต้องสามารถมั่นใจถึงมูลค่าของสิ่งนั้นได้จริง มันอาจถูกชัวคราว หรือ ถาวรตลอดไปก็ได้ แต่เราสามารถมองให้ออกว่า มันมีมูลค่าเท่าไรได้ ซึ่งเป็นที่มาของ VI อีกที ซึ่งทำให้เราลดความเสียงได้อย่างดี
แต่สำหรับผม ส่วนใหญ่การลงทุนทางอ้อม เป็นสิ่งที่เราสามารถควบคุมได้ยากมาก ต่างกับการลงทุนทางตรงที่มีวิชาในมหาลัย สอนหลากหลาย ไม่ว่า MBA การตลาด การผลิต การประชาสัมพันธ์ ลองสังเกตุดูสิครับ ว่าการศึกษาส่วนใหญ่ จะมีเพื่อรองรับการทำธุรกิจ หรือการลงทุนทางตรงทั้งนั้น

มาถึงตรงนี้ ผมก็คิดว่าทุกคนคงเข้าใจว่า ต้องการอะไร จากการลงทุนทางตรง ทางอ้อมนะครับ ขอให้ทุกคนตัดสินใจได้ว่าจะทำอะไรกับการลงทุนดีนะครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

StarfishX: สำหรับการดึง SET data

เครื่องหมาย NP ของตลาดหลักทรัพย์