รายได้ประจำกับชีวิตมนุษย์เงินเดือน ไม่มีความสุขจริงหรือ

หลายๆ ครั้งผมได้เห็นนักลงทุนส่วนใหญ่หรือพวกทำขายตรงค่อนข้างไม่ชอบหรือดูถูกชีวิตแบบมนุษย์เงินเดือนและผู้มีรายได้ประจำ

สำหรับผมการที่เราสามารถมีงานอย่างอื่นที่จ่ายเงิน เพื่อมาหล่อเลี้ยงชีพ หรือให้คนอื่นทำงานแทน หรือ ใช้เงินทำงาน นี้กว่าจะถึงจุดนั้นได้อาจจะลำบากไม่น้อย แต่เป็นไปได้

ซึ่งพวกนี้ ขายตรง MLM ใช้เป็นข้อดึดดูดชวนคนไปทำ ส่วนพวกชวนไปลงทุนจะใช้คำว่า ให้เงินทำงาน

สำหรับผม คนปกติเรียนมาในโรงเรียนก็จะเริ่มปลูกฝังความคิดว่า เรียนให้เก่ง จบไปได้เข้ามหาวิทยาลัยดีๆ เสร็จแล้วได้ออกมามีงานดีๆทำ ถ้าผมเคยได้ยินอยู่คนเดียว ก็คิดว่าความคิดผมผิดละกัน

ผมเป็นคนที่เรียนไม่เก่งเลย ตั้งแต่ประถมยันมัธยมปลาย โดยช่วงมัธยมปลาย เรียน 6 เทอม ต้องซ่อมไป 4 เทอม เรียนสายศิลป์คำนวณ หรือ คณิต-อังกฤษ ก็ซ่อมมัน 2 วิชานี้ละครับ

จบมาเข้ามหาวิทยาลัย ก็เรียนคณะเศรษฐศาสตร์โชคดีที่เรียนแล้ว ชอบมาก เลยเรี่ยนจบไม่ลำบากนัก แม้จบมาจะหางานที่เป็น นักเศรษฐศาสตร์จริงๆไม่ได้ก็ตาม แต่ก็ได้ใช้วิชาในการลงทุนเยอะเหมือนกัน

สิ่งที่เกิดขึ้นจริง คือเพื่อนผมจำนวนเยอะมาก จบมาแล้วก็โทษว่า ไม่มีงานที่เรียนมาให้ทำ แต่ความจริงหาใช่อย่างนั้นไหม เค้าเรียนแล้วมีความรู้ขนาดไหน และเรียนจบมาแล้วมีทักษะใช้ความรู้ขนาดไหน นั้นเป็นสิ่งที่เค้ามองข้าม กลับมาไปที่อาชีพกับตำแหน่งอย่างเดียว

ปัญหาก็คือ พอจบแบบนี้ ความได้เปรียบในการสมัครงานจะต่างกันไป ไม่เหมือน นักบัญชี แพทย์ วิศวกร ทนาย อัยการ หรืออะไรอื่นๆ ที่ต้องจบเฉพาะทาง ถึงหางานได้ ซึ่งคนในคณะอื่นๆ ก็คงเจอเช่นเดียวกัน

พอเข้าไปทำงาน ชีวิตการทำงานนั้นแข่งขันหนักกว่า การอยู่ในชีวิตการเรียน นักเรียน นักศึกษา พวกนี้แข่งจริงๆ ส่วนใหญ่แข่งกับตัวเอง เต็มที่ก็แข่งกับเพื่อน เพื่อให้เกรดที่สูงกว่า แต่ชีวิตการทำงาน มันยากกว่านั้น อาชีพบางอาชีพ ต้องทำให้เจ้านายพอใจ ทำให้ลูกค้าพอใจ และต้องทำให้เพื่อนร่วมงานพอใจ และยังแข่งทางอ้อม กับ บริษัทคู่ค้าอีก


ซึ่งนอกจากทำให้คนรอบข้างพอใจในตัวงานแล้ว ในความก้าวหน้าทางอาชีพทุกคนก็กลายเป็นคู่แข่งกันหมด ถ้ารุนแรงมากๆ ก็กลายเป็นศัตรูกันไปเลย


แต่สุุดท้าย ผลลัพธ์อย่างหนึ่งที่ทุกคนได้เหมือนกันคือ รายได้ประจำ


ซึ่งหลายครั้ง เราสนใจแต่งาน การปฎิบัติงานให้เต็มที่ แต่เราลืมการปฎิบัติต่อรายได้ประจำไป สักแต่ว่าใช้ไปให้ครบๆ เดือน ซึ่งเหมือนไม่มีการบริหารจัดการที่ดี สุดท้าย รายจ่ายที่เกินรายได้จะเป็นตัวเพิ่มภาระให้ชีวิตคุณอีก

ผมอยากบอกว่า การทำงาน เรา เหนือย เรากดดัน โดนมองข้ามหัวบ้าง โดนแทงข้างหลังบ้าง โดนเรื่อยขาเก้าอี้บ้าง และต้องพยายามพัฒนาตัวเองตลอดเวลา หรือไม่ก็รับความกดดันจากอะไรที่มองไม่เห็นตลอดเวลา ได้แต่ความเครียดในชีวิตกลับ แต่ทำไม ถึงไม่มีใครลาออกจากงานมาอยู่บ้านสบายๆ ทำอะไรก็ได้ที่อยากทำ

คำตอบที่ง่ายๆ ส่วนใหญ่จะบอกว่า ออกมาแล้วจะเอาอะไรกิน บางคนหนักกว่านั้นคือ ออกมาแล้วจะส่งลูกเรียนได้อย่างไร

หลายครั้งที่ผมเจอคนทำงาน แล้วไม่มีความสุขกับงาน แต่ต้องทน เพื่อรายได้และภาระอันยิ่งใหญ่คือคนที่เราต้องดูแลครับ

พวก MLM จะประโยชน์ส่วนนี้ มาเชิญชวน ว่าทำงานเพื่อตัวเราเอง ให้คนอื่นทำงานเพื่อเรา

พวกเชิญไปลงทุน ก็จะบอก ให้เงินทำงาน

ซึ่งถ้ามาองเรื่องรายได้ MLM กับ การลงทุน ไม่ผิดหรอกครับ เค้าแค่ใช้ความกลัวที่ช๋อนอยู่ลึกๆ มาเป็นประโยชน์

แต่สำหรับผม มองว่าคนส่วนใหญ่ที่อยู่ในระบบนั้น เครียดโดยที่ไม่รู้ว่าเครียดทำไม ปัญหาคือเค้าใช้ชีวิตไม่สมดุล ระหว่างสิ่งที่ได้รับ กับ สิ่งที่แลกไป เช่น ความรับผิดชอบกับความเครียด เงินเดือนกับการใช้จ่าย

ทุกคนส่วนใหญ่มีเป้าหมายชีวิตการทำงาน เช่น ตำแหน่ง เงินเดือน การได้คุมบริษัทใหญ่ ไปไหนมีหน้ามีตา คนรู้จัก เคารพ พวกนี้ถึงไม่ใช่เป้าหมาย แต่ก็เรียกว่า เป็นของได้มาระหว่างอาชีพก็ได้ครับ ทางคุณก้าวหน้าอยู่

สำหรับผมการทำงาน มนุษย์เงินเดือน ทางมองภาพเชิงเศรษฐศาสตร์มหภาคแล้ว ผมชอบมากกว่า เพราะเราได้ทำงานให้ ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง หรือการลงทุนทางตรง เราได้ จ่ายภาษี บริโภค สร้างงาน สร้างบริการ สร้างสินค้าให้คนได้บริโภคครับ ซึ่งดีกว่า การลงทนทางอ้อมแน่นอน ที่ช่วงกิจกรรมทางเศรษฐกิจสั้นกว่า



อย่าได้น้อยใจครับ ที่เราไม่มีอิสรภาพทางการเงินในตอนนี้ แต่ให้คิดหาวิธีสร้างอิสรภาพทางการเงินด้วย   ความจริงทางวางแผนให้ดี เหมาะสมกับตัวเราเอง และปฎิบัติตามแผนได้ในระยะยาวแล้ว มันง่ายกว่าที่คิดนะครับ


สุดท้ายของให้เราลองจัดสรร ชีวิตให้สมดุลก่อน เรื่องงาน เรื่องครอบครัว และชีิวิตส่วนตัวครับ เราอาจมีความสุขได้โดยไม่ต้องอาศัยอะไรเพิ่มเติมมากกว่าเกินความจำเป็นครับ

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เครื่องหมาย NP ของตลาดหลักทรัพย์

StarfishX: สำหรับการดึง SET data

PPE vs Rev, Gross margin, New Margin