กาลามสูตร

บทความรับปีใหม่ ผมของคุยเรื่องธรรมะของพระพุทธเจ้าบ้างนะครับ ซึ่งเหมาะสมกับการนำมาปรับใช้ในการลงุทนครับ คำสอนในศาสนาเรานั้น เน้นให้ปฎิบัติมากกว่าเชื่ออย่างงมงาย ไม่ว่าเรื่องการพ้นทุกข์ เรื่อง ไตรสิกขา คือศีล สมาธิ ปัญญา หรือ ทาน ศีล ภาวนา สำหรับผมถือเป็นแต่บทความนี้ ผมจะพูดถึงเรื่อง กาลามสูตร

กาลามสูตรนั้นผมได้ยินครั้งแรก ตอนสมัยเรียนมัธยมวิชาภาษาไทย และได้อ่านซ้ำอีกครั้งในหนังสือเครื่องมือขุดเพชรในพระไตรปิฏก ของท่านพุทธทาส ซึ่งเป็นธรรมะเพื่อใช้พิสูจน์หลักธรรมของพระพุทธเจ้าที่สำคัญอย่างยิ่ง

เพราะหลักธรรมนี้ พูดถึงการเชื่่อ การเชื่ออย่างใดอย่างหนึ่งนั้น มีผลกระทบต่อชีวิตเรามากครับ เราจะยอมตายถวายชีวิตได้เพราะความเชื่อของเรานั้นละครับ ไม่ใช่เงินทองภายนอก หรือเกรียติยศ ชื่อเสียงแต่อย่างใด แต่เราเชื่อว่า ส่ิงนั้นจะนำสิ่งที่ได้ผลตอบแทนกับตัวเรากลับมาได้สูงสุดคุ้มค่ากับสิ่งที่เราเสียไป

ดังนั้น เรามักจะเห็นคนที่เชื่อสิ่งผิดๆ ทำให้ตัวเองมีพฤติกรรมผิดๆ ไปด้วย

ส่วนตัวผมจะพูดเรื่องมุมมองการลงทุนเท่านั้นนะครับ ไม่ขอพูดเรื่องอื่นๆ มากกว่านี้

คนส่วนใหญ่จะเลือกถือหลักทรัพย์ที่ตัวเองเชื่อว่า จะให้ผลตอบแทนที่ดี บางครั้งมันไม่ได้ดีอย่างทีคิด แต่ก็ยังถือกันอยู่ เพราะอะไร ผมว่า เพราะเค้าเชื่อว่ามันจะกลับมาดีนั้นเอง

ปัญหาคือทำเค้าถึงเชื่่อ ผมว่าสาเหตุส่วนใหญ่นั้น หลักธรรมะ กาลามสูตร 10 นั้น ได้อธิบายและห้ามไว้หมดแล้วละครับ ว่า อะไรไม่ควรเชื่อ



  • อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
  • อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
  • อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
  • อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
  • อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
  • อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
  • อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
  • อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
  • อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
  • อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน


  • สมัยก่อนผมหัดลงทุนใหม่ๆ บางครั้งเลือกหุ้นได้ดีแล้ว แต่ก็ไปนั่งอ่านBroad การลงทุนหรือความเห็นตามบทความต่างๆ ว่าหุ้นตัวนี้ไม่ดีเพราะอะไร บางครั้ง บทความนั้นดูดีมีสาระ และความเห็นข้างล่างก็เสนอ แนวเหตุผลที่น่าจะถูกต้อง หรือ ถูกต้องจริงๆ ในเวลานั้น ทำให้ผมตัดสินใจขายทิ้ง แต่ที่ไหนได้ สุดท้ายหุ้นตัวนั้น วิ่งไปเกิน 100% รวมปันผลอีก ไม่รู้เท่าไร

    ในทางตรงข้าม สมัยก่อนผมเคยมีหุ้นตัวนั้นที่ทุกคนบอกว่าดี ก็ถือไว้จนเพลิน ราคาตกหายไปเกิน 50% อีกก็มี

    สรุป ต้องปฎิบัติแล้วดีจริง ถึงเชื่อ พวกที่ยึดมั่นกับแนว VI หรือ Technical หรือนักลงทุน นักเก็งกำไรทั้งหลาย ไม่ว่าจะมีชื่อเสียง หรือไม่มีก็ตาม ส่วนใหญ่ที่ผมเคยคุย หรือได้ฟังสัมภาษณ์ คือ เค้าปฎิบัติแล้วได้ผล จึงยึดแนวทางนั้นมาตลอด อย่างมั่นใจ 

    ดังนั้น ไม่ว่า คุณจะลงทุนหุ้นตัวไหน เลือกการลงทุนแนวไหน ทุกอย่างต้องมี ต้นตอของความรู้จาก กาลามสูตร 10 ต้องนำมาพิจารณาและปฎิบัติก่อนนะครับ ถึงค่อยเชื่อหลักการนั้น 

    เพราะเมื่อคุณเชื่อแล้ว ชีวิตจะยอมทุ่มเทให้กับมัน สำหรับผมมันเดิมพันด้วย วิถีชีวิต และความมั่นคงทางการเงินของท่านเลย ถ้าคุณเชื่อแบบผิดๆ ไป บางอย่างในชีวิตอาจไม่สามารถเรียกกลับมาได้อีกเลย อย่างน้อยๆ ก็น่าจะเงินที่ลงทุนไปและขาดทุน

    สำหรับผม หลายๆ ครั้ง คุยกับนักลงทุนคนอื่นๆ ฟังแล้วบางที หงุดหงิด เพราะบางครั้งหลักความเชิ่อมันขัดแย้งกันเกินไป ก็เพราะผมเชื่อว่า การลงทุนไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ที่มานำเงินมาเล่นๆ กัน แต่มันเดิมพันด้วยอนาคตของเรา

    สุดท้าย ผมอยากให้ทุกท่านไม่ว่าจะเลือกเป็น นักลงทุน หรือ นักเก็งกำไร หรืออื่นๆ ก็ขอให้ศึกษาอย่างจริงจัง พิสูจน์ ทุกอย่างที่ได้มาตั้งใจ ก่อนที่จะปักใจเชื่อนะครับ

    ขอให้โชคดีในการลงทุนครับ


    ข้อมูลเพิ่มเติมกับ กาลามสูตร
    http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3

    ความคิดเห็น

    โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

    เครื่องหมาย NP ของตลาดหลักทรัพย์

    StarfishX: สำหรับการดึง SET data

    PPE vs Rev, Gross margin, New Margin