ความเสี่ยงในการลงทุนคือเพื่อนร่วมทางคุณตลอดไป (2): What is risk
ความเสี่ยงนั้น เป็นสิ่งที่พูดกันในเกือบทุกวงการ ตั้งแต่ เศรษฐศาสตร์, IT, แพทย์, การเมือง จนถึง หมอดู
มีคนเคยสอนผมไว้ว่า เมื่อเริ่มลงทุนความเสี่ยงจะเป็นเพื่อนร่วมทางคุณตลอดไป แต่ผมคิดว่าชีวิตมนุษย์เจอความเสี่ยงทุกนาที ผมนั้งพิมพ์ blog อยู่ทีบ้าน อาจมีรถ 10 ล้อ เบรกแตกวิ่งมาชนก็ได้ หรืออาจมีเครื่องบินตกใส่หลัีงคาบ้านก็ได้ นี้ก็เป็นความเสี่ยงหรือเรียกชัดๆ อีกอย่างคือ ความซวย
ความซวยในมุมมองผม คือ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับชีวิตในด้านไม่ดี มีกฏอธิบายเช่น กฏของเมอร์ฟี่ (Murphy's law) เป็นต้น
ส่วนโชคนั้น ส่วนใหญ่ก็ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับชีวิตในแง่ดี ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนจัดการเท่าไรแต่ความจริง มันสามารถจัดการได้ ลองอ่านหนังสือของ คุณ บัณฑิต อึ้งรังษี ดูสิครับ ดีมาก
แต่ ส่วนใหญ่ ถ้านักวิชาการ ผู้บริหารต้องจัดการความเสี่ยงแง่ไม่ดี หรือความซวย ไว้ก่อนเพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วส่งผลกระทบวงกว้างมากกว่า
ซึ่งการจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ คือการทำให้โอกาสเกิดน้อยที่สุด ถึงกับมีวิชา Risk management ไว้ให้เรียน ซึ่งผมได้เรียนมาจากมหาวิทยาลัยตอนปรัิญญาโทที่ ม.กรุงเทพ เป็นจำนวน 1 บท
ได้อธิบายความเสี่ยงไว้ ง่ายๆ ดังนี้
ความเสี่ยง = อัตราการเกิดขึ้น * ความเสียหายที่ได้รับ
นั้นหมายความว่า ถ้าความเสี่ยงสูงสิ่งที่ตามมา คือ โอกาสเกิดบ่อยมาก หรือ ความเสียหายรุนแรงมา หรืออาจมาพร้อมทั้ง 2 อย่างเลยก็ได้
ความเสี่ยงสูงต้องทำการป้องกันไว้ สมมุติว่า ห้อง DataCenter เกิดไฟดับไป องค์กรจะเสียหายอย่างแรง และโอกาสเกิดก็สูงมากเพราะใช้พลังงานสูงตลอดเวลา
สิ่งที่ต้องทำคือ ถามก่อน ว่าเรารับความเสี่ยงนี้ได้หรือไม่
ถ้าได้ ก็ไม่ต้องทำไร
ถ้าไม่ได้ สิ่งที่เราต้องมาดูต่อว่า เราจััดการอะไรได้บาง เช่น ลดการใช้ไฟได้ไหม หรือ ติดตั้งระบบสำรองไฟแทน ซึ่งแต่ละทางเลือกนั้น ก้มีต้นทุนต่างกันไป ซึ่งเป็นหลักของการจัดการความเสี่ยง
ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดคือ เราไม่รู้ว่าเรามีความเสี่ยงอะไร เพราะเราไม่สามารถจัดความเสี่ยงนั้นได้
บทความต่อไปผมจะพูดวิธีจำกัดความเสี่ยงในการลงทุนนะครับ
มีคนเคยสอนผมไว้ว่า เมื่อเริ่มลงทุนความเสี่ยงจะเป็นเพื่อนร่วมทางคุณตลอดไป แต่ผมคิดว่าชีวิตมนุษย์เจอความเสี่ยงทุกนาที ผมนั้งพิมพ์ blog อยู่ทีบ้าน อาจมีรถ 10 ล้อ เบรกแตกวิ่งมาชนก็ได้ หรืออาจมีเครื่องบินตกใส่หลัีงคาบ้านก็ได้ นี้ก็เป็นความเสี่ยงหรือเรียกชัดๆ อีกอย่างคือ ความซวย
ความซวยในมุมมองผม คือ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับชีวิตในด้านไม่ดี มีกฏอธิบายเช่น กฏของเมอร์ฟี่ (Murphy's law) เป็นต้น
ส่วนโชคนั้น ส่วนใหญ่ก็ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นกับชีวิตในแง่ดี ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีคนจัดการเท่าไรแต่ความจริง มันสามารถจัดการได้ ลองอ่านหนังสือของ คุณ บัณฑิต อึ้งรังษี ดูสิครับ ดีมาก
แต่ ส่วนใหญ่ ถ้านักวิชาการ ผู้บริหารต้องจัดการความเสี่ยงแง่ไม่ดี หรือความซวย ไว้ก่อนเพราะถ้าเกิดขึ้นแล้วส่งผลกระทบวงกว้างมากกว่า
ซึ่งการจัดการความเสี่ยงเหล่านี้ คือการทำให้โอกาสเกิดน้อยที่สุด ถึงกับมีวิชา Risk management ไว้ให้เรียน ซึ่งผมได้เรียนมาจากมหาวิทยาลัยตอนปรัิญญาโทที่ ม.กรุงเทพ เป็นจำนวน 1 บท
ได้อธิบายความเสี่ยงไว้ ง่ายๆ ดังนี้
ความเสี่ยง = อัตราการเกิดขึ้น * ความเสียหายที่ได้รับ
นั้นหมายความว่า ถ้าความเสี่ยงสูงสิ่งที่ตามมา คือ โอกาสเกิดบ่อยมาก หรือ ความเสียหายรุนแรงมา หรืออาจมาพร้อมทั้ง 2 อย่างเลยก็ได้
ความเสี่ยงสูงต้องทำการป้องกันไว้ สมมุติว่า ห้อง DataCenter เกิดไฟดับไป องค์กรจะเสียหายอย่างแรง และโอกาสเกิดก็สูงมากเพราะใช้พลังงานสูงตลอดเวลา
สิ่งที่ต้องทำคือ ถามก่อน ว่าเรารับความเสี่ยงนี้ได้หรือไม่
ถ้าได้ ก็ไม่ต้องทำไร
ถ้าไม่ได้ สิ่งที่เราต้องมาดูต่อว่า เราจััดการอะไรได้บาง เช่น ลดการใช้ไฟได้ไหม หรือ ติดตั้งระบบสำรองไฟแทน ซึ่งแต่ละทางเลือกนั้น ก้มีต้นทุนต่างกันไป ซึ่งเป็นหลักของการจัดการความเสี่ยง
ความเสี่ยงที่น่ากลัวที่สุดคือ เราไม่รู้ว่าเรามีความเสี่ยงอะไร เพราะเราไม่สามารถจัดความเสี่ยงนั้นได้
บทความต่อไปผมจะพูดวิธีจำกัดความเสี่ยงในการลงทุนนะครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น