เทคนิคการออม จากชีวิตผม

ปัจจุบันนี้ไม่ทราบว่าเรามีเงินออมกันหรือไม่ครับ ถ้าพรุ่งนี้เราโดนไล่ออกจากงาน หรือ เราไม่สามารถหาเงินได้อีกไปช่วงระยะเวลาหนึ่ง หรือเกิดป่วยขึ้นมากระทันหัน ทำอย่างไร


"ในปี 2545 อัตราการออมร้อยละ 6.3"อ้างอิงจาก http://news.sanook.com/education/education_169634.php
"เมื่อสิ้นปี 2549 แล้วการออมในภาคครัวเรือนจะมีสัดส่วนประมาณไม่น้อยกว่าร้อยละ 5 เมื่อเทียบกับ GDP"อ้างอิงจาก http://www.fpo.go.th/S-I/Source/Article/Article57.htm

แสดงให้เห็นว่า คนไทยมีอัตราการออมที่ต่ำมากในระบบเศรษฐกิจ


ซึ่งในแง่ของภาคครัวเรือนนั้นปํญหาคือ ถ้าเกิดในกรณีฉุกเฉินจะหาเงินที่ไหนมาใช้จ่าย ซึ่งในกรณีนี้ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการทำให้เกิดหนี้สิน


อันนี้คือเรื่องการจ่ายเงินให้ตัวเอง อย่างในหนังสือ The Richest Man in Babylon ได้กล่าวไว้


คนเรามักเคยตัว ว่ารายได้ที่ได้มานั้นต้องใช้ให้หมด อาจจะจริง แต่ต้องอย่าลืมจ่ายให้ด้วยนะครับ


วิธีที่ง่ายที่สุดและผมเคยใช้มาตั้งแต่สมัย ม.ปลาย คือ


จ่ายให้กับการออมตั้งแต่ได้เงินมา


ผมเริ่มออมเงินครั้งแรกตอน ม .6 ครับ อาจจะช้าไปสำหรับคนบางคน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เริ่มทำ เงินก้อนแรกรู้สึกใช้เงิน แต๊ะเฮีย เป็นเิงินขวัญถุง โดยแรงจูงใจในตอนนั้นคือ ผมไปชอบสาวคนหนึ่ง แล้วคิดว่าอยากเก็บเงินไว้สร้างครอบครัวในอนาคต ผมจึงเริ่มออมเงินตั้งแต่วันนั้นครับ


ตอนมัธยมปลาย ผมได้ สัปดาห์ละ 700 บาท ผมจะหักเงินออกมาก่อนเลย 100 บาท โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิน แค่นี้เราก็ได้เงินออมไว้แล้ว


ลองคิดดู ผมไ้ด้เงินสะสมใน 1 ปี
มูลค่า 5200 บาท ซึ่่งก็มากสำหรับยุคน้ำมัน ไม่เกิน 15 บาท ข้าวจานละ 20 บาท
ในกรณีทีแม่ผมไม่สามารถจ่ายเงินให้ผมได้ ผมสามารถ อยู่ได้ประมาณ 7 สัปดาห์ ก็ เดือนครึ่งนะครับ


แม้จะดูน้อยแต่ถ้าสะสมในอัตรานี้สัก 10 ปี ผมก็มีเงินได้ประมาณสัก 52000 เลยที่เดียว ก็โอเคนะครับสำหรับแบบจำลองง่ายๆ


โดยความเป็นจริงผมไม่ทำบัตร ATM เพื่อกันไม่ให้เงินไหลออกจากบัญชี มีเข้าไม่มีออก เวลาเพื่อนผมมาเปิดดูสมุดบัญชีผม เป็นความสุขอย่างมาก ที่มัีนร้อง "โอโห้ เงินมึงเยอะนี้หว่า รวยนิ " แต่ความจริงหารู้ไหมว่าพ่อแม่ผมให้เงินน้อยกว่าเพื่อนผมหลายคนซะอีก แต่จะดีใจกว่านั้นคือเวลาเพื่อนบอก "โอโห้ ไม่เคยใช้เงินเลยนี้หว่า" ก็เป็นความประทับใจเล็กๆ ของผม


แต่ในชีวิตจริง ผมได้นำเงินก้อนสุดภาคภูมิใจที่ผมจะนำไปใช้สร้างครอบครัวในอนาคตของผมก้อนนั้นไปซื้อหุ้นตัวแรกและเข้าสู่ตลาดหุ้น คือ โรงผลิตไฟฟ้าราชบุรี ซึ่งไปเข้าแถวซื้อตั้งแต่ 7 โมงเช้าที่ธนาคารหน้าบ้านในอีก 2 ถัดมาจากการออมเงิน ตอนซื้อ 13 บาทนะครับ ได้ปันผลทุกปี เฉลี่ย ปีละบาท ดีกว่า อัตราดอกเบี้ยในธนาคารมาก แถมยังได้ส่วนต่างราคาอีกเกือบ 300 % ในวันขาย


สิ่งเดียวที่เสียใจคือ ตอนนั้นแม่บอกให้ซื้อให้มากที่สุด ผมดันซื้อ นิดเดียว เพราะกลัวหุ้นตก สมัยนั้นยังกลัวอยู่ แต่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการใช้ชีวิตในการลงทุนหุ้นนะครับ


นี้เป็นผลของการเราออมเงิน เพื่อไว้ใช้จ่ายอื่่นๆ หรือ เพิ่อการลงทุน นะครับ


ซึ่งผมยังไม่ได้พูดถึงอัตราดอกเบี้ยอีก หรือการนำเงินก้อนนั้นไปลงทุนต่อ ให้ได้เกิดลูกเกิดหลาน นำเงินนั้นไปทำงานแทนเราเพื่อให้ได้เงินต่อ ลองอ่านวิีธีอื่นๆ ต่อได้นะครับในบทความต่อๆไป

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เครื่องหมาย NP ของตลาดหลักทรัพย์

StarfishX: สำหรับการดึง SET data

PPE vs Rev, Gross margin, New Margin